บลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต มั่นใจ SHA Plus+ ต่อยอด ‘City of Gastronomy’
บลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต ชู SHA Plus+
ตอกย้ำการยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ดี เตรียมรับนักท่องเที่ยวโครงการ Phuket Sandbox พร้อมเดินหน้าร่วมฟื้นฟูและต่อยอด
‘City of Gastronomy’ ของภูเก็ต
อีกหนึ่งความภูมิใจของบลู เอเลเฟ่นท์ ร้านอาหารไทยสุดคลาสสิก ที่ได้ยกระดับมาตรฐานความสะอาดและถูกสุขอนามัยที่ดีอย่างเข้มข้น จนได้รับตราสัญลักษณ์ SHA Plus+ หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration Plus ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานของ SHA ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรคที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีความปลอดภัยด้านสุขอนามัยระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีนายคิม สเต็ปเป้ ประธานกรรมการบริหาร ของบลู เอเลเฟ่นท์ เป็นตัวแทนรับมอบเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
โดยพนักงานของบลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต ร้อยละ 70 ได้รับการฉีดวีคซีนแล้วตามมาตรฐาน SHA Plus+ และพร้อมที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นอกจากนี้บลู เอเลเฟ่นท์ยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อร่วมเดินหน้าฟื้นฟูและต่อยอด ‘City of Gastronomy’ ของเมืองภูเก็ตให้กลับคืนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งภูเก็ตนับเป็นเมืองแรกของไทยและอาเซียนที่ยูเนสโกได้ประกาศให้เป็น 1 ใน 18 เมืองทั่วโลกเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร หรือ ‘City of Gastronomy’ ประจำปี 2558
ร่วมเปิดประสบการณ์และสัมผัสวัฒนธรรมหลากหลายของเมืองภูเก็ต ผ่านอาหาร ‘เพอรานากัน’ (Peranakan) หรืออาหาร ‘เนียงยา’ (Nyonya cuisine) และอาหารไทย และเรียนรู้การปรุงอาหารอย่างใกล้ชิดกับเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ได้ทั้งทางออนไลน์ และที่บลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 076-354355-7 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ www.blueelephant.com และ Facebook: https://www.facebook.com/BlueElephantPhuket
นายคิม สเต็ปเป้ ประธานกรรมการบริหาร บลู เอเลเฟ่นท์ กล่าวว่า “ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย-สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต-สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้-สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต-สำนักงานเศรษฐกิจการดิจิทัลภาคใต้ และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ที่ให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศไทย ด้วยการร่วมกันผลักดันโครงการ Phuket Sandbox เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาที่ภูเก็ตจะต้องผ่านการฉีดวัดซีนป้องกันโควิด-19 และมีหนังสือยืนยัน โดยเมื่อมาถึงภูเก็ตจะต้องทำการกักตัวที่ภูเก็ตเป็นเวลา 14 วัน จึงจะสามารถเดินทางไปพื้นต่างๆ ในประเทศไทยได้ ซึ่งการได้รับตราสัญลักษณ์ SHA Plus+ หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration Plus เป็นอีกความภูมิใจของบลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต และเป็นสิ่งที่การันตีความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนบลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันพนักงานของเราได้รับการฉีดวีคซีนแล้วร้อยละ 70 ตามมาตรฐาน SHA Plus+ และเรายังคงความเข้มข้นในมาตรฐานการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้แก่ลูกค้าทุกคน ตามแนวทางการให้บริการในรูปแบบวิถีปกติใหม่ (New Normal)
สำหรับการเปิดเมืองภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ภายใต้แผนการเปิดเมืองภูเก็ต หรือ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) บลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ตได้เตรียมความพร้อมเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งการฟื้นฟูเมืองภูเก็ตให้กลับมาเป็นผงาดดั่งเดิม ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสหาดทรายสวย เกาะแก่งน่ายล อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งอารยธรรมอันหลากหลายที่มีอัตลักษณ์เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตและประเพณีของชาวภูเก็ตที่งดงามและบ่งบอกถึงรากเหง้าและความเป็นศูนย์รวมของคนหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็นชาวเลดั้งเดิม ซึ่งเป็นชาวมอร์แกน ชาวไทยแท้จากแผ่นดินใหญ่ รวมถึงชาวจีนอันไกลโพ้นโล้เรือสำเภาแสวงโชค
ทั้งนี้ บลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต โดยเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ได้สร้างสรรค์เมนูอาหารที่สื่อถึงประเพณี และวัฒนธรรมอันหลากหลายของเมืองภูเก็ต ผ่านเมนู ‘เพอรานากัน’ (Peranakan) หรืออาหาร ‘เนียงยา’ (Nyonya cuisine) และอาหารไทย อาทิ เพอรานากันแกงตูมี้ปลากระพง ตูโบ้ ลูกชิ้นปลาภูเก็ต เกี่ยมโก้ย กุ้งสัมบ่ายกอเล้ง เป็นต้น สอดคล้องกับที่ยูเนสโก้ได้ประกาศให้ภูเก็ตเป็น 1 ใน 18 เมืองทั่วโลก เป็นเมืองแรกของไทยและอาเซียน ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร หรือ ‘City of Gastronomy’ ประจำปี2558
คุณคิม กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองและครอบครัว ‘สเต็ปเป้’ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยมาก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ (มร.คลาวด์ และเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ เชฟและผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารและภัตตาคาร บลู เอเลเฟ่นท์ เชฟหญิงชาวฉะเชิงเทราและชื่นชอบการทำอาหารมาตั้งแต่วัยเยาว์) มักจะสอนลูกหลานและพนักงานทุกคนให้รักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย และจะต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทย ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของบลู เอเลเฟ่นท์ มาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี และเรามุ่งเน้นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและจะยังคงเดินหน้าร่วมเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักไปทั่วโลก ดั่งเจตนารมณ์ของเชฟนูรอ
ร่วมลิ้มลองเมนูอาหารเลิศรส สัมผัสวัฒนธรรมหลากหลายของเมืองภูเก็ต และเปิดประสบการณ์เรียนรู้การสร้างสรรค์เมนู ‘เพอรานากัน’ (Peranakan) หรืออาหาร ‘เนียงยา’ (Nyonya cuisine) และอาหารไทยอย่างใกล้ชิดกับเชฟนูรอได้ทั้งทางออนไลน์ ที่บลู เอเลเฟ่นท์ ภูเก็ต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 076 354355-7 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ www.blueelephant.com /Facebook: https://www.facebook.com/BlueElephantPhuket
เกี่ยวกับบลู เอเลเฟ่นท์
บลู เอเลเฟ่นท์ สร้างสรรค์เมนูอาหารรสเลิศให้ได้ลิ้มลองความอร่อย ด้วยเสน่ห์ปลายจวักของเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ แห่งร้านบลู เอเลเฟ่นท์ ผู้ที่หลงใหลในอาหารและวัฒนธรรมไทย ได้รังสรรค์อาหารไทยแท้ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศจากโครงการหลวง และชุมชนต่าง ๆ ในประเทศไทยออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แฝงด้วยอัตลักษณ์แห่งความไทย วิถีไทย และภูมิปัญญาไทย เผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักและประทับใจ ทั้งยังได้เลือกรสชาติอาหารที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นในการชิมอาหารไทย จึงเป็นที่ถูกปากจนเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวเบลเยียมและชาวต่างชาติในประเทศเบลเยี่ยม และขยายตัวอย่างรวดเร็วจนทั่วยุโรปตะวันออกกลางและเอเชีย ครองใจคนทั่วโลกมากว่า 40 ปี
บลู เอเลเฟ่นท์ เปิดบริการเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2523 โดยเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ และคู่สมรส-คุณคาร์ล สเต็ปเป้ พร้อมด้วยหุ้นส่วนอีก 2 ท่าน คือ คุณสมชาย เวโน และคุณสมบูรณ์ อินเสือศรี
ปี 2545 เปิดร้านอาหารบลู เอเลเฟ่นท์ และโรงเรียนสอนทำอาหารบลู เอเลเฟ่นท์ สาขากรุงเทพ
ปี 2549 ก่อตั้ง บริษัท บลูสไปซ์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแกง เครื่องปรุงรส ทั้งน้ำพริก และซอสปรุงรสระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ บลู เอเลเฟ่นท์ จำหน่ายกว่า 36 ประเทศทั่วโลก
ปี 2553 เปิดร้านอาหารบลู เอเลเฟ่นท์ และโรงเรียนสอนทำอาหารบลู เอเลเฟ่นท์ สาขาภูเก็ต