ปรับเปลี่ยนการกิน ลดโซเดียม ก่อน "ไตพัง" คำเตือนจาก รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ
ปรับเปลี่ยนการกิน อร่อยเต็มเปี่ยมโซเดียมเต็มคำ เตือนก่อน "ไตพัง"
การบริโภคเค็ม ภัยร้ายใกล้ตัว
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เผยว่า การบริโภคโซเดียมหรือการกินเค็มในปริมาณสูงต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรัง ซึ่งผู้ที่มีค่าไตสูงควรเร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพื่อลดความเสี่ยงและส่งเสริมสุขภาพไตในระยะยาว
"ไต" ทำหน้าที่อะไรในร่างกาย
ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่มีหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย เช่น ยูเรีย ครีเอตินิน และสารพิษต่าง ๆ ผ่านทางปัสสาวะ นอกจากนี้ ไตยังช่วยควบคุมสมดุลน้ำ เกลือแร่ ความดันโลหิต สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และรักษาระดับแคลเซียมกับฟอสฟอรัส หากไตทำงานผิดปกติจะส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมถอย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง และโรคกระดูก อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะไตวาย
โซเดียม ตัวการสำคัญของไตเสื่อม
การบริโภคโซเดียมมากเกินไปทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้
1. ความดันโลหิตสูง – โซเดียมสะสมในร่างกายทำให้หลอดเลือดไตเกิดแรงดันสูง
2. การอักเสบของเนื้อเยื่อไต – เกิดจากการสะสมโซเดียมที่กระตุ้นการอักเสบ
3. โปรตีนรั่วในปัสสาวะ – แรงดันในหลอดเลือดไตเพิ่มขึ้นจนเกิดการรั่วไหลของโปรตีน
4. นิ่วในไต – โซเดียมกระตุ้นการขับแคลเซียมในปัสสาวะ ทำให้เกิดผลึกนิ่ว
โรคไตในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ข้อมูลจากกรมอนามัยและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า
- ปี 2565 คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง 11.6 ล้านคน เพิ่มจาก 8 ล้านคน ในปี 2563
- จำนวนผู้ป่วยที่ต้องล้างไตเพิ่มจาก 80,000 คน ในปี 2563 เป็น 100,000 คน ในปี 2565
คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,635 มก./วัน สูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2,000 มก./วัน หรือประมาณ 1 ช้อนชา
วิธีลดโซเดียม เพื่อป้องกันโรคไต
1. ลดการใช้เครื่องปรุงรส เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรส
2. หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง อาหารรสเค็ม
3. อ่านฉลากโภชนาการ เลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำ
4. ปรุงอาหารเอง เลือกใช้สมุนไพรแทนเครื่องปรุงรส
5. ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยขับโซเดียมส่วนเกิน
6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมความดันโลหิต
7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อติดตามภาวะไต
อาการเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น เป็นฟอง สีเปลี่ยน หรือปัสสาวะน้อยลง
- อาการบวมบริเวณเท้า หน้า และข้อเท้า
- ความดันโลหิตสูงผิดปกติ
- อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ หรือผิวหนังคัน
ข้อคิดจากผู้เชี่ยวชาญ
รศ.นพ.สุรศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า “อย่ารอให้ไตพังก่อนจะเริ่มดูแลตัวเอง การฟอกไตไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว แต่ยังหมายถึงความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าที่ต้องเผชิญตลอดชีวิต จงเริ่มลดโซเดียมและดูแลไตตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะสายเกินไป”
ดูแลสุขภาพไต เพื่อชีวิตที่ยืนยาว เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง