ADS


Breaking News

ไทยเบฟเดินหน้า PASSION 2030 ต่อเนื่อง มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร ด้วยดิจิทัลและการกระจายสินค้าสู่ตลาดโลก

ไทยเบฟขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2030

     กรุงเทพฯ (1 ตุลาคม 2567) – บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ประกาศแผนงาน PASSION 2030 ต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต

ผลประกอบการแข็งแกร่ง

     แม้เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก แต่ไทยเบฟยังคงสามารถรักษาผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 4.9%

     นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผมมีความยินดีที่จะประกาศว่าไทยเบฟได้มีความคืบหน้าอย่างน่าพึงพอใจในการพัฒนาความสามารถ เสริมแกร่งการตลาดและสร้างตราสินค้าของเรา แม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการดำเนินงานจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แต่เรายังคงสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ด้วยรากฐานที่มั่นคงและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคน ทำให้ไทยเบฟมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 และวันนี้เรามองไปข้างหน้าเพื่อใช้จุดแข็งที่มีอยู่ขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต”

     ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต ไทยเบฟได้ต่อยอดแผน PASSION 2025 สู่ PASSION 2030 ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอีก 5 ปีข้างหน้า

การขยายตลาดและการเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า

     ไทยเบฟมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการส่งมอบสินค้าและบริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกช่องทาง อีกทั้งยังขยายการเข้าถึงให้ครอบคลุมตลาดอย่างทั่วถึง โดยใช้ศักยภาพที่แข็งแกร่งในการแข่งขันด้านต้นทุนและคุณภาพของบริการ

ดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต

     ไทยเบฟยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต การกระจายสินค้า และการดำเนินงาน นอกจากนี้ ไทยเบฟยังมีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล

การทำธุรกรรมแลกหุ้นและการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

     ในเดือนกันยายน 2567 ผู้ถือหุ้นไทยเบฟได้อนุมัติธุรกรรมแลกหุ้นระหว่างบริษัท อินเตอร์เบฟ อินเวสท์เม้นท์ ลิมิเต็ด (IBIL) และบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ ลิมิเต็ด (TCCAL) ซึ่งจะส่งผลให้ IBIL มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) เพิ่มขึ้นเป็น 69.61% ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมศักยภาพของไทยเบฟในธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์นม พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและสร้างรายได้จากการรวมศักยภาพของทั้งสองบริษัท

แผนงาน PASSION 2030

  • การกระจายสินค้า: มุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ดิจิทัล: นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
  • ความยั่งยืน: มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583

ความสำเร็จด้านความยั่งยืน

  • ไทยเบฟได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีคะแนนสูงสุด “Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) Score”
  • บรรลุเป้าหมายการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในหลายโรงงาน

     ไทยเบฟเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน พร้อมทั้งมุ่งมั่นสร้างสรรค์การเติบโตที่ยั่งยืน เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน


#ไทยเบฟ #PASSION2030 #ความยั่งยืน


เกี่ยวกับไทยเบฟ

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ” หรือ “กลุ่ม”) เป็นบริษัทเครื่องดื่มชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทไทยเบฟ คือ การเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารที่มั่นคงและยั่งยืนของอาเซียน

ไทยเบฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในปี 2549 และในปี 2555 ได้ขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อบริษัท
เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (“F&N”) ซึ่งเป็นที่รู้จักในประเทศสิงคโปร์ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง ในปี 2560 ไทยเบฟได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาคด้วยการเข้าซื้อหุ้นในแกรนด์ รอยัล กรุ๊ป (“GRG”) ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในตลาดวิสกี้ของประเทศเมียนมา และหุ้นในบริษัทไซ่ง่อน เบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น (“ซาเบโก้”) ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ส่งผลให้ไทยเบฟก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในด้านปริมาณของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในปัจจุบัน ธุรกิจของไทยเบฟประกอบด้วย 4 สายธุรกิจ ได้แก่ สุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร
โดยกลุ่มบริษัทไทยเบฟมีโรงงานผลิตสุรา 19 แห่ง โรงงานผลิตเบียร์ 3 แห่ง และโรงงานผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อีก 20 แห่งในประเทศไทย และมีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมจุดขายมากกว่า 500,000 จุดทั่วประเทศ กลุ่มบริษัทไทยเบฟจำหน่ายสินค้าครอบคลุมมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก รวมถึงมีเครือข่ายโรงงานผลิตเบียร์ 26 แห่งในเวียดนาม ที่ผลิต Bia Saigon และ 333 ของซาเบโก้ โรงงานผลิตสุรา 5 แห่งในสกอตแลนด์ ซึ่งใช้ผลิตสุราซิงเกิ้ลมอลต์ เช่น บัลแบลร์ (Balblair) โอลด์ พุลท์นีย์ (Old Pulteney) และสเปย์เบิร์น (Speyburn) โรงงาน 1 แห่งในฝรั่งเศส สำหรับผลิตสุราลาร์เซน คอนญัก โรงงานผลิตสุรา 1 แห่งในนิวซีแลนด์ ซึ่งใช้ผลิตสุราซิงเกิ้ลมอลต์โลกใหม่ (New World Spirits) ของคาร์โดรนา โรงงาน 2 แห่งในเมียนมาของ GRG และโรงงานผลิตสุรา 1 แห่งในจีนซึ่งสำหรับผลิตสุราอวี้หลินฉวน (Yulinquan)

กลุ่มผลิตภัณฑ์สุราที่มีชื่อเสียงของไทยเบฟประกอบด้วย รวงข้าว หงส์ทอง เบลนด์ 285 แสงโสม แม่โขง และแกรนด์ รอยัล วิสกี้ นอกจากนี้ เบียร์ช้างซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์หลัก ยังเป็นหนึ่งในเบียร์ของไทยที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ซาเบโก้มีผลิตภัณฑ์ Bia Saigon และ 333 ซึ่งเป็นเบียร์ที่มียอดขายอันดับต้น ๆ ในประเทศเวียดนาม สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ไทยเบฟมีตราสินค้าชั้นนำ ได้แก่ ชาเขียวโออิชิ เครื่องดื่มอัดลมเอส โคล่า น้ำดื่มคริสตัล เครื่องดื่มอัดลม F&N และเครื่องดื่มเกลือแร่ 100PLUS นอกจากนี้ ไทยเบฟยังดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น รวมทั้งอาหารพร้อมปรุงและพร้อมทาน ผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และได้ขยายธุรกิจอาหารผ่านบริษัทย่อย คือ ฟู้ด ออฟ เอเชีย และธุรกิจแฟรนไชส์เคเอฟซี ซึ่งเป็นร้านอาหารบริการด่วนที่ได้รับความนิยมที่สุดในประเทศไทย

ไทยเบฟเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ใช้อ้างอิงในดัชนีสเตรทส์ไทม์ (“STI”) นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกของกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (“DJSI”) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และเป็นสมาชิกในดัชนี DJSI World และดัชนี DJSI Emerging Markets