กรมทางหลวง เร่งช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.ลำปาง และ จ.สุโขทัย พร้อมเฝ้าระวังอุทกภัยตลอด 24 ชม.
กรมทางหลวงลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ จ.ลำปาง และ จ.สุโขทัย พร้อมเฝ้าระวังอุทกภัยตลอด 24 ชม.
จากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดลำปางและจังหวัดสุโขทัย กรมทางหลวงได้สั่งการให้ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมบนสายทางในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงอย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนกรมทางหลวงได้จัดเจ้าหน้าที่ช่วยชาวบ้านกรอกกระสอบทราย วางแนวแบริเออร์ และวางถุงบิ๊กแบ๊ค เพื่อทำแนวป้องกันน้ำท่วม บริเวณอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย พร้อมคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้กรมทางหลวงได้ทำการสรุปสถานการณ์อุทกภัย ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปางและจังหวัดสุโขทัย จำนวน 3 สายทาง 3 แห่ง ที่การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง ดังนี้
1. จังหวัดลำปาง
- บนทางหลวงหมายเลข 1102 ในพื้นที่อำเภอแม่พริก สาย พระบาท – บ้านหล่า ช่วง กม.ที่ ช่วง กม.ที่ 2+400 – กม.ที่ 3+000 ระดับน้ำ 25 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
2. จังหวัดสุโขทัย
- ทางหลวงหมายเลข 1195 ในพื้นที่อำเภอศรีสำโรง สาย เตว็ดใน – วังไม้ขอน ช่วง กม.ที่ 12+750 – 13+150 ระดับน้ำ 35 ซม. แนะนำทางเลี่ยงให้ใช้ทางแยกเกาะวงษ์เกียนติ์ และทางแยก อบต.วังทอง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือนน้ำท่วม ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเผ้าระวังสถานการณ์ตลอดเวลา หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ www.doh.go.th หรือ ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1
3 ต.ค. 66
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง