วชิรพยาบาล เผยโรคอกบุ๋มรักษาได้
หมดกังวลกับโรคอกบุ๋ม
โดย ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทาง ด้านโรคปอด โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
โรคอกบุ๋ม หรือเรียกว่า Pectus Excavatum (Funnel chest) เป็นความผิดรูปของผนังทรวงอกที่พบบ่อย ในคนทั่วไป ส่งผลทำให้บุคลิกภาพหรือความมั่นใจเสียไป โดยความผิดปกตินี้อาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น โดยโรคนี้เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของกระดูกอ่อนที่เชื่อมกับกระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครง ส่งผลทำให้หน้าอกเกิดการยุบตัว โดยผู้ป่วยมักไม่มีอาการ แต่ในกรณีที่ภาวะนี้มีความผิดปกติอย่างรุนแรง อาจส่งผลทำให้มีอาการกดเบียดหัวใจและปอดได้ ในบางรายอาจมีการกดเบียดลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจรั่วและมีอาการเหนื่อยง่าย บางรายอาจมีภาวะร่วมอย่างอื่นได้เช่นกระดูกสันหลังคด หรือภาวะจากยีนผิดปกติ เช่น Marfan syndrome ได้
ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย จากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวว่าโรคนี้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบอัตราส่วนการเจ็บป่วย 1 ต่อ 1,000 คนและมักเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง 3-4 เท่าและอาจเจอกระดูกสันหลังคดร่วมด้วย วิธีการวินิจฉัยมักทำได้โดยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT chest) เพื่อดูสัดส่วนความกว้างยางของบริเวณทรวงอก หรือ ที่เรียกว่า Haller index ถ้ามีอัตราส่วนมากกว่า 2.5 ถือว่ามีความผิดปกติ
ส่วนอีกวิธีคือ การผ่าตัดส่องกล้อง หรือที่เรียกว่า Nuss procedure เป็นการผ่าตัดส่องกล้องโดยใช้แท่งโลหะผ่านบริเวณใต้กระดูกหน้าอกแล้วดัดกระดูก โดยไม่ได้มีการตัดกระดูก โดยจะใช้เวลาดัดประมาณ 3-4 ปี หลังจากนั้นจะเอาเหล็กออก ซึ่งจะสามารถลดภาวะแทรกซ้อน และ ฟื้นตัวได้ไหวกว่าการผ่าตัดแบบเปิดอย่างเห็นได้ชัด
ภายหลังการดูแลหลังจากการผ่าตัด จะต้องสังเกตอาการ ควบคุมอาการปวดโดยยาหลายแขนง สามารถกินข้าวได้ตามปกติหลังผ่าตัด โดยแพทย์จะเฝ้าติดตามโดยการทำเอ็กซเรย์ และผู้ป่วยกลับบ้านได้ภายใน 5-7 วันและเมื่อกลับบ้านแล้ว ผู้ป่วยจะต้องลดการยกของหนัก หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่ใช้การปะทะ เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล สามารถเริ่มเล่นกีฬาฯ เบา ๆ เช่น วิ่งหรือว่ายน้ำ หลังผ่าตัด 6 เดือน ส่วนขั้นตอนการนำเหล็กออกจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยด้วย ผู้ป่วยท่านใดที่สนใจสามารถเข้าไปสอบถามเพิ่มเติมผ่านเพจเฟซบุ๊กผ่าตัดปอดหรือ Lineid:@lungsurgeryth