“ยึดเฮโรอีน 45 กก. มูลค่ากว่า 1.35 พันล้านบาท ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ส่งออสเตรเลีย” กรมศุลกากร ผนึก SITF เข้มงวดปิดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด
กรมศุลกากรร่วมกับหน่วย SITF ปิดกั้นเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติด “ยึดเฮโรอีน 45 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,350 ล้านบาท ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ ส่งออสเตรเลีย”
วันนี้ (10 ธันวาคม 2565) เวลา 13.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี, นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร, พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ, นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม และหน่วย SITF โดย พ.ต.อ. จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว รอง ผบก. ปส.1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเรือโทภูมิ แสงคำ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 45 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,350 ล้านบาท (ประเทศปลายทาง) ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่าจากปัญหาการลักลอบส่งออกยาเสพติดที่ปรากฎในปัจจุบัน กรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า-ส่งออกยาเสพติด อีกทั้งคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ที่ 11/2564 แต่งตั้งอธิบดีกรมศุลกากรเป็นประธานอนุกรรมการ กรมศุลกากรจึงเร่งรัดดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามชาติให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม
กรมศุลกากร พบสินค้าต้องสงสัยที่มีความเสี่ยงสูงในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังต่างประเทศ โดยสำแดงชนิดสินค้าเป็นเครื่องผสมแป้งโด (DOUGH MIXER MACHINE WITH ELECTRIC) ส่งออกทางท่าเรือกรุงเทพ ประเทศไทย ปลายทางบริสเบน (BRISBANE) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตรงกับเงื่อนไขความเสี่ยง (Local Profile) เบื้องต้นจากผลการวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์พบความผิดปกติภายในสินค้า จึงได้ดำเนินการตรวจสอบทางกายภาพโดยละเอียด
พบยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เฮโรอีน) ในลักษณะซุกซ่อนภายในเครื่องผสมแป้งโด น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 45 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 135 ล้านบาท หากส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย จะมีมูลค่าในราคาขายสูงถึง 1,350 ล้านบาท จึงได้ร่วมกันกับหน่วย SITF โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ตรวจยึดพร้อมทั้งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสถิติจับกุมยาเสพติด ตั้งแต่ 1 มกราคม – 10 ธันวาคม 2565 จับกุมได้ 154 ราย มูลค่า 3,950 ล้านบาท 4 อันดับแรก ได้แก่
1. ไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 1,600,000 กรัม = 1,600 กิโลกรัม
2. โคคาอีน น้ำหนักรวมประมาณ 90,000 กรัม = 90 กิโลกรัม
3. ยาบ้า น้ำหนักรวมประมาณ 2,400,000 เม็ด
4. เฮโรอีนิน้ำหนักรวมประมาณ 100,000 กรัม = 100 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตามกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันสกัดกั้นเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องสังคมและประเทศชาติให้พ้นภัยจากยาเสพติดทุกประเภท