Aruba ชวนโรงงานอุตสาหกรรมใช้ AIOps บวก IT กับ OT ให้เป็นหนึ่งเดียวสู้อุปสรรคหลังยุคโควิด
Aruba แนะโรงงานอุตสาหกรรมใช้ AIOps ผนวก IT กับ OT ให้เป็นหนึ่งเดียวฝ่าอุปสรรคหลังยุคโควิด
โดย Kwong Hui Tan, ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวัน และฮ่องกง/มาเก๊า แห่ง Aruba บริษัทในเครือฮิวเล็ตแพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์
ยุคหลังการแพร่ระบาดโควิด โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองเข้าสู่เส้นทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้เท่าทันหรือล้ำหน้าคู่แข่งทั่วโลก ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและโซลูชั่นที่เหมาะสม เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาของการปฏิบัติงานที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1.ความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน (Safety) 2.ความทนทานต่อสภาพแวดล้อมในโรงงานที่รุนแรง (Harsh Environment) 3.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ (Security) และ 4. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ระบบว่าจะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ (Reliability) ทั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) ด้วยประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง
Aruba แนะนำแนวทางที่องค์กรต่างๆ สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ด้วยการใช้โซลูชั่นที่มีองค์ประกอบของ AIOps (Artificial Intelligence for IT Operations) ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการนำความสามารถของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยในการดูแลและวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายได้อย่างอัตโนมัติ พร้อมช่วยผสานการทำงานระหว่าง IT และ OT โดย Aruba เสนอโซลูชั่นดังต่อไปนี้
1: ปลอดภัยไว้ก่อนเสมอ
หลังการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาเริ่มซาลง โรงงานต่างๆ ต้องการกลับไปทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดและสามารถทำการผลิตได้อย่างมีเสถียรภาพเช่นเดิม แต่การรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานให้ปลอดภัยหากโรคระบาดกลับมาใหม่ยังคงเป็นเรื่องที่โรงงานต่างกังวล จากการศึกษาของ McKinsey พบว่าบริษัทผู้ผลิตในเอเชียส่วนใหญ่ระบุว่าการใช้มาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เช่น การเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัยเป็นมาตรการที่ยังคงความสำคัญสูงสุด อย่างไรก็ตาม โรงงานยังคงลังเลเรื่องประสิทธิภาพในการผลิตที่อาจจะลดลงและยังต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานในระยะห่างที่ใกล้กันเท่าเดิมก่อนโรคระบาด
ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยของพนักงานและประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งสองเรื่องนี้ควรควบคู่ไปด้วยกัน โรงงานต่างๆ สามารถทำได้โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกๆ ที่ในบริเวณโรงงานนั้นมีสัญญาณระบบเครือข่ายให้เชื่อมต่อได้เป็นอย่างดีและพนักงานทุกคนมีอุปกรณ์การทำงานที่มีการเชื่อมต่ออย่างเหมาะสม โดย การใช้โซลูชัน Wi-Fi และ Bluetooth ของ Aruba ทำให้สามารถดำเนินการติดตามเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการติดตามและติดต่อพนักงานทุกคนในบริเวณโรงงานได้ตลอดเวลา Aruba สามารถทำการรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้แบนด์วิดท์ทั้งหมดบนพื้นที่การผลิต ทำให้สามารถจัดหาโซลูชันที่ให้บริการพื้นที่ในขนาดต่างๆ ที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับบริษัทต่างๆ ในการกลับไปทำงานอย่างปลอดภัยโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน
2: อุปกรณ์ปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge) ที่สามารถทำงานได้ในสภาพสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง
พื้นที่การผลิตในโรงงานบางพื้นที่มีสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง โดยมีอุณหภูมิสูง ไอระเหยที่ติดไฟได้ และความเข้มข้นของฝุ่นสูง ตัวแปรเหล่านี้อาจจะอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ในระยะยาว บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องปกป้องความสมบูรณ์ในการทำงานของอุปกรณ์ของตนในพื้นที่จากปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อมเหล่านี้ ท้ายที่สุด เมื่อชำรุดลงการเปลี่ยนทดแทนอุปกรณ์ในโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อพิจารณาถึงราคาของอุปกรณ์และการหยุดชงักการทำงานโดยไม่จำเป็นเพื่อเอาอุปกรณ์ออกมาซ่อมแซม
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สามารถป้องกันความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างง่ายดายโดยใช้อุปกรณ์ปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge) ที่เหมาะสม อย่างเช่น อุปกรณ์ Access Points (APs) ของ Aruba ในรุ่นที่เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อกลางแจ้งและบริเวณที่ต้องการคุณสมบัติความทนทานสูง พัฒนาขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด อุปกรณ์ APs รุ่นนี้ของ Aruba สามารถทนต่อการสัมผัสกับอุณหภูมิสูงและต่ำสุดขั้ว ทนความเร็วลมสูงถึง 165 ไมล์ต่อชั่วโมง และพื้นที่ที่มีความชื้น โดนน้ำฝน ละอองฝุ่นและเกลืออย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลายาวนาน นอกจากนี้ Aruba CX4100i Switch Series ที่มีความทนทานสูงยังช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบ IT, ระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) และอุปกรณ์ IoT ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงแม้อยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิผันผวนรุนแรง
3: ตรวจสอบและควบคุมได้อยู่เสมอจากระยะไกล
สภาพแวดล้อมที่รุนแรงก่อให้เกิดความเสี่ยงไม่เพียงต่ออุปกรณ์และระบบโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพนักงานผู้ที่ดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำด้วย รายงานล่าสุดโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ พบว่าการสัมผัสฝุ่นละออง ก๊าซ และควันจากการทำงานเป็นสาเหตุอันดับสองของการเสียชีวิตจากการทำงานทั่วโลก เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรม การผลิตและการแปรรูปวัสดุ อาจจะส่งผลให้พนักงานเสี่ยงต่อการระเบิด สนามแม่เหล็กแรงสูง และระดับเสียงที่อาจจะทำให้พนักงานผู้ปฏิบัติงานหูหนวกได้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีพนักงานอยู่ในพื้นที่อันตรายโดยตรง แต่ยังสามารถปฏิบัติงานได้เช่นเดิม บริษัทต่าง ๆ สามารถใช้การตรวจสอบและบำรุงรักษาจากระยะไกลผ่านเครื่องมือจำลองเสมือนจริง (AR/VR) ซึ่งแม้ว่าโซลูชันเหล่านี้จะทำให้เครือข่ายทำงานหนักขึ้น แต่เทคโนโลยี AppRF ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Aruba ก็สามารถจัดลำดับความสำคัญของการรับส่งข้อมูลบนแอปพลิเคชั่น AR/VR เหล่านี้ได้อย่างอัตโนมัติ ด้วยกระบวนการจัดสรรทรัพยากรแบนด์วิดท์ของปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด
4: ความมั่นคงปลอดภัยของระบบ (Security) ยังคงมีความสำคัญสูงสุด
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้อย่างแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรม โดยภายในพื้นที่การผลิต 91% ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของจำนวนอุปกรณ์ IoT อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ IoT มาปรับปรุงเครื่องจักรให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งส่งผลต่อเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของระบบซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ โดย 27 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทเหล่านี้ ต่างกังวลถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้ และก็เป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้บางโรงงานไม่กล้าเสี่ยง
ในขณะที่ IoT ยังคงหยั่งรากลึกลงเรื่อยๆ การมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเชิงคาดการณ์ (Predictive Security Posture) จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งทีมไอทีจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องมือเพื่อสามารถรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์และคาดการณ์ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ไม่ให้เกิดขึ้น นี่คือเหตุผลที่โซลูชันอย่างเช่น Aruba Central และ Aruba ClearPass Device Insight ล้วนมี AIops ที่มีคุณสมบัติเชิงปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เนื่องจากโซลูชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ต้องสามารถคาดการณ์ได้ทั้งในระบบควบคุมแบบปิด (Closed Loop) และระบบแบบ end-to-end แล้วเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT ทั้งหลายในเชิงรุกได้อีกด้วย
ระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) ไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป
ระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (Operational Technology: OT) เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม ซึ่งนับเป็นระบบหลักที่ทำงานอยู่เบื้องหลังกระบวนการทางอุตสาหกรรม แต่เดิมจะแยกจากเครือข่ายไอที (IT) เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก และจะต้องทำงานได้ตลอดเวลา มีความยืดหยุ่น ทนทานสูง และความน่าเชื่อถือเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม จุดบกพร่องจากความผิดพลาดของอุปกรณ์และการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมทั้งการบำรุงรักษาและการหยุดชะงักการทำงานนอกแผน ล้วนแต่ขัดขวางประสิทธิภาพการทำงานและทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ความจริงก็คือ หากสามารถดำเนินการบำรุงรักษาในเชิงรุก ค่าใช้จ่ายอาจลดลงได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานของ OT ยังคงเชื่อถือได้ Aruba และ ABB ได้ช่วยบริษัทต่าง ๆ ในการโยกย้ายระบบเก่าที่มักจะต้องหยุดชะงักนอกแผนเพื่อซ่อมบ่อย ๆ มายังระบบที่มีเครื่องมือบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance Tools) ซึ่งจะช่วยให้มีความสามารถมองทะลุครอบคลุมในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของทุกอุปกรณ์และเครื่องจักร รองรับความพร้อมในการใช้งานสูง และให้ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุน ตัวอย่างเช่น Smart Sensor ของ ABB ใช้อัลกอริธึมขั้นสูงเพื่อแจ้งให้วิศวกรทราบถึงสภาวะที่ผิดปกติก่อนอุปกรณ์จะขัดข้อง นอกจากนี้ ด้วยการบูรณาการระหว่าง Aruba UXI (User Experience Insight) และ ระบบ Mobile Computer ของ Zebra (เช่น TC5x/TC7x) ยังสามารถนำข้อมูลด้านประสิทธิภาพการทำงานในระดับแอปพลิเคชันครอบคลุมไปจนถึงระดับอุปกรณ์ที่ปลายทาง (Edge) เพื่อให้ทีมไอทีได้นำไปวิเคราะห์และดำเนินการป้องกันได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น
โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการซ่อมแซมเครื่องจักรได้ก่อนที่กระบวนการทำงานจะหยุดชะงักและได้รับผลกระทบ ช่วยลดการหยุดการทำงานนอกแผน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้อุปกรณ์และเครื่องจักร และช่วยปรับแผนกำหนดการทำงานของวิศวกรภาคสนามให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรในที่สุด
ผนวก IT และ OT ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วย AIops เป็นสิ่งที่จำเป็น
ธุรกิจและบริษัทผู้ผลิตกำลังเผชิญกับความท้าทายตลอดช่วง 24 เดือนที่ผ่านมา และเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเทคโนโลยีที่พวกเขานำมาใช้ จากการสำรวจบริษัทผู้ผลิตทั่วโลกกว่า 400 แห่งเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดระบุว่า Industry 4.0 ได้ช่วยให้การดำเนินงานของพวกเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤต และมากกว่าครึ่งกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พวกเขาดำเนินการนั้น มีความสำคัญต่อการรับมือการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าอย่างประสบความสำเร็จ
ในยุคใหม่ของการทำงานและธุรกิจนี้ มีความจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในการปรับโครงสร้างใหม่ คิดใหม่ และกำหนดแนวทางสำหรับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายและขับเคลื่อนประสิทธิภาพและผลลัพธ์ทางธุรกิจ การนำโซลูชั่นของ Aruba ที่มี AIOps เป็นหัวใจสำคัญมาใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมและมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดมากในการช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถผนึกระบบเครือข่าย IT และ OT ของตนเป็นหนึ่งเดียว ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างปลอดภัย ระบบการทำงานยังคงต่อเนื่องแม้จะเผชิญสภาพแวดล้อมที่รุนแรง สามารถดูแลอุปกรณ์ได้จากระยะไกล และมีระบบที่มั่นคงปลอดภัย โดยมีประสิทธิภาพในการผลิตกลับไปเหมือนเดิมหรือสูงขึ้นอีกครั้ง
สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครือข่ายและการพัฒนาโซลูชั่นของ Aruba สามารถติดตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญใน Aruba Blog ได้ที่ https://blogs.arubanetworks.com