รศ.นพ. สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ เตือนภัย อาหารหวานหนัก มัน เค็มจัด เกลื่อน แอพ หวั่นเสี่ยงโรคเรื้อรัง
เครือข่ายลดบริโภคเค็มและเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน
เตือนภัย อาหารหวานหนัก มัน เค็มจัด เกลื่อน แอพ
หวั่น คนไทยเสี่ยงโรคเรื้อรัง ไต
หัวใจ พัง ก่อนวัยอันควร
เครือข่ายลดบริโภคเค็มและเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานเผยเตือนภัยเงียบ จากการสั่งอาหารออนไลน์ผ่านแอพ
เพื่อนำอาหารมาส่งให้ลูกค้า (Online Food Dedlivery apps หรือ OFD) ควรเพิ่มหรือให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคเมื่อสั่งซื้ออาหาร
หลังผลสำรวจพบว่ามีอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด มีความหวาน มัน เค็มจัด เกินปริมาณตามเกณฑ์มาตรฐาน
พร้อมแนะอาหารและเครื่องดื่ม ควรคำนึงถึงสุขภาพผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้นและควรมีตัวตัวเลือก
เช่น เกลือน้อย น้ำตาลน้อย เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้สั่งอาหารเพื่อเป็นทางเลือกสุขภาพที่ดีให้กับสังคม
ลดภาวะเสี่ยงเป็นโรคไม่ติดต่อไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ก่อนวัยอันควร
รศ.นพ. สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม
และอาจารย์ประจำหน่วยโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า
จากการสำรวจภายใต้โครงการข้อมูลความเสี่ยงด้านอาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของอาหารพร้อมส่งพร้อมรับประทานยอดนิยมในกรุงเทพฯ
ประเทศไทย (NCD
dietary risk profile of popular Ready-to-Eat Delivery Foods in Bangkok,
Thailand)โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก Family Health International (FHI360)ซึ่งรายงานการวิเคราะห์สารอาหารของอาหารและเครื่องดื่ม 40 รายการ ในแอพพลิเคชั่นอาหารออนไลน์ ปีพ.ศ.2565 แบ่งเป็นอาหารจานเดียว
25 รายการ ขนมหวาน 5 รายการและเครื่องดื่มรสหวาน
10 รายการ ซึ่งการวิเคราะห์สารอาหารเหล่านี้ยังไม่รวมเครื่องปรุง
เช่น น้ำปลาพริก น้ำจิ้ม พบ อาหารจานเดียว 23 รายการ จากทั้งหมด 25
รายการ มีปริมาณโซเดียมสูงกว่า 0.6 กรัมต่อมื้อ
ตามที่กรมอนามัยแนะนำให้บริโภคโดยอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงสุด
คือ ส้มตำปูปลาร้า มีปริมาณโซเดียมเฉลี่ย 5 กรัม ต่อ 1 จาน ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 2 กรัม ต่อวัน ซึ่งหมายความว่าส้มตำปูปลาร้า 1 จาน มีปริมาณความเค็มสูงเกือบ
3 เท่า ของการบริโภคโซเดียมตลอดหนึ่งวัน
หรือคิดเป็นปริมาณโซเดียมสูงมากถึง 8 เท่าต่อ 1 มื้อ อีกทั้งยังพบปริมาณโซเดียมสูงมากเกินกว่า 0.6 กรัม
ต่อมื้อ ในกาแฟเย็น ซาลาเปาไส้หมูสับ ชิฟฟอนใบเตยและปาท่องโก๋ นับเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งช่วยกันแก้ไข
ด้าน ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวเสริมว่า ในส่วนของเครื่องดื่มรสหวาน จาก 10 รายการ มีจำนวน 8 รายการที่มีน้ำตาลเกินกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 25 กรัมต่อวันและมีเพียงเมนู 2 รายการเท่านั้น คือ อเมริกาโน่เย็นและน้ำเต้าหู้ที่มีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยไม่ถึง 16 กรัม ชาน้ำผึ้งมะนาวมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ย 53.1 กรัม ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลเกิน 2 เท่า ต่อ 1 วัน หรือ เทียบเท่าน้ำตาลเกือบ 13 ช้อนชา หากคิดต่อ 1 มื้ออาหารควรมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยประมาณ 8 กรัมต่อมื้อ ซึ่งทั้ง 10 รายการ มีปริมาณน้ำตาลเกิน 8 กรัมต่อมื้อ โดยชาน้ำผึ้งมะนาว มีปริมาณน้ำตาลเกือบ 7 เท่า ต่อมื้อ ซึ่งถือว่าปริมาณน้ำตาลเกินกว่าความต้องการของร่างกายในแต่ละมื้อ อีกทั้งเครื่องดื่มรสหวานเหล่านี้ยังเป็นพลังงานว่างเปล่าหรืออาหารที่แทบจะไม่มีสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ให้พลังงานหรือมีปริมาณแคลอรี่ที่สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ ไม่เพียงเครื่องดื่มรสวานที่มีปริมาณน้ำตาลเกินเกณฑ์ที่แนะนำเท่านั้น อาหารจานเดียว เช่น ส้มตำไทย หมูปิ้ง ไข่พะโล้และของหวานอย่าง ชิฟฟ่อนใบเตยและไอศกรีมกะทิสด ยังมีปริมาณน้ำตาลสูงมากต่อมื้อและสูงเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำอีกด้วย
ด้าน รศ.พญ.ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำไม่ควรบริโภคไขมันเกิน 30 % ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน หรือคิดเป็นปริมาณไขมันต่อ 1 มื้อ เฉลี่ยอยู่ที่ 25 กรัมและอาหารทีมีไขมันสูง เช่น หมูสามสั้นทอด มีไขมันเฉลี่ยสูงถึง 67.1 กรัม ซึ่งถือว่ามีปริมาณไขมันสูงเกือบ 3 เท่าต่อมื้อ หรือคิดเป็นร้อยละ 86 ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน ส่วนหมูปิ้ง (55.6 กรัม) คอหมูย่าง (48.6 กรัม) มีปริมาณไขมันเกินถึง 2 เท่า ต่อมื้อ และคิดเป็นร้อยละ 71 และ ร้อยละ 62 ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับตลอดทั้งวัน ยิ่งไปกว่านั้นเนื้อสัตว์ติดมันและอาหารที่นำไปทอด ไขมันที่ได้จากอาหารเหล่านี้เป็นไขมันอิ่มตัว ซึ่งจัดเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพและการกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป อาจทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจตามมา ดังนั้นการแสดงปริมาณสารอาหารโดยเฉพาะเกลือ น้ำตาลและไขมัน ในรายการอาหารบนแอพพลิเคชั่นอาหารออนไลน์ จะสามารถช่วยให้ผู้บริโภคทราบถึงปริมาณสารอาหารดังกล่าว นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นอาหารออนไลน์ควรเพิ่มหรือให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคในการกรองตัวเลือกเมื่อสั่งซื้ออาหาร เช่นส้มตำ ควรมีตัวเลือก เกลือน้อย น้ำตาลน้อย เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้สั่งอาหารโดยคำนึงถึงสุขภาพได้มากยิ่งขึ้น
ด้าน ทพญ.จิราพร ขีดดี ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า อาหารที่มีไขมันสูงมักจะให้พลังงานหรือแคลอรี่สูงตามไปด้วย เช่น ชิฟฟ่อนใบเตย มีปริมาณไขมันสูงมาก เฉลี่ยประมาณ 65.3 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 1,098.8 แคลอรี่ ซึ่งสูงเกินครึ่งหนึ่งของปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการขององค์การอนามัยโลกแนะนำไว้ 2,100 แคลอรี่ต่อวัน ถ้าคิดเป็น 1 มื้อ ควรได้ปริมาณพลังงานประมาณ 600 แคลอรี่ ขนมดังกล่าวมีปริมาณพลังงานเกินเกือบ 2 เท่าต่อมื้อหรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน อีกทั้ง การบริโภคอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มสูง เหล่านี้และหากบริโภคบ่อย ๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคเบาหวาน ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
ตารางที่ 1: รายการอาหารที่ศึกษา
อาหารจานเดียว |
|
1.
ข้าวมันไก่ต้ม |
2.
ข้าวขาหมู |
3.
ข้าวหมูแดง |
4.
ข้าวผัดหมู |
5.
ข้าวหมูหรอบ |
6.
ข้าวผัดกระเพราหมูสับ |
7.
ข้าวยำไก่แซ่บ |
8.
ข้าวหน้าหมูญี่ปุ่น |
10.
โจ๊กหมู |
|
11.
ต้มเลือดหมูตำลึง |
12.
ก๋วยจั๊บ |
13.
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใสลูกชิ้นหมู |
14.
เส้นใหญ่น้ำเย็นตาโฟ |
15.
ไข่พะโล้ |
16.
หมูสามชั้นทอด |
17.
หมูปิ้ง |
18.
คอหมูย่าง |
19.
ซูชิหน้าแซลมอนดิบ |
20.
ข้าวหน้าแซลมอนดิบ |
21.
สุกี้น้ำรวมมิตร |
22.
ส้มตำไทย |
23.
ส้มตำปูปลาร้า |
24.
ลาบหมู |
25.
ลูกชิ้นหมูปิ้ง |
|
ของหวาน/ของทานเล่น |
|
26.
ซาลาเปาไส้หมูสับ |
27.
ปาท่องโก๋ |
28.
ทาร์ตไข่ |
29.
ชิฟฟ่อนใบเตย |
30.
ไอศกรีมกะทิสด |
|
เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ |
|
31.
เอสเปรสโซ่เย็น |
32.
กาแฟเย็น |
33.
ชาน้ำผึ้งมะนาวเย็น |
34.
โกโก้เย็น |
35.
อเมริกาโน่เย็น |
36.
ชานมไข่มุก |
37.
คาปูชิโนเย็น |
38.
ชาไทยเย็น |
39.
ชาเขียวแฟรบปูชิโนเย็น |
40.
น้ำเต้าหู้ |
โซเดียม
ข้อแนะนำ ถ้าแบ่งรับประทานตามอาหารหลัก 3 มื้อ
และอาหารว่างอีก 2 มื้อต่อวัน มื้อหลัก จึงควรรับประทานโซเดียม
600 มิลลิกรัม หรือ 0.6 กรัม
และอาหารว่างควรรับประทานโซเดียม 100 มิลลิกรัม หรือ 0.1
กรัม ต่อมื้อ
อาหารจานเดียว (ค่าเฉลี่ย)