ADS


Breaking News

ไอ-ดีเอซี แบงค็อก ผนึก เอ็มไอ กรุ๊ป เปิดผลวิจัย “บิวตี้บีสต์” เทรนด์คนเจ้าสำอางพุ่ง โกยรายได้จากขาช็อป

ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จับมือ เอ็มไอ กรุ๊ป เปิดผลวิจัย “บิวตี้บีสต์” เทรนด์คนเจ้าสำอาง

ยุคใหม่ไร้ขีดจำกัดทางเพศ  ชี้ชายแท้แคร์บุคลิกภาพพุ่ง ให้ความสนใจ

“รองพื้น อายไลน์เนอร์ ดินสอเขียนคิ้ว” กลายเป็นสินค้ายอดนิยมสูงสุด

 

·       นักการตลาดบิวตี้ต้องรู้ !! เปิดช่องทางสื่อเรียกทรัพย์บรรดาคนสวยหล่อ พร้อมคอนเทนท์โกยรายได้จากขาช็อป “บิวตี้บีสต์”






บริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จับมือกับ เอ็มไอ กรุ๊ป ในฐานะ Digital Marketing Agency และ Media Agency ที่ให้คำปรึกษาและช่วยวางกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารทางการตลาด เปิดผลการสำรวจที่น่าสนใจ พบปัจจุบันกระแส ‘gender-neutral’ หรือการไม่จำกัดเพศ ได้เปลี่ยนทัศนคติต่อหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีต่อความสวยความงามเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเพศชายที่หันมาให้ความสนใจการพัฒนาบุคลิกภาพ และเลือกใช้เครื่องสำอางในหลากหลายประเภท นอกจากนี้ยังเผยถึงช่องทางสื่อ และคอนเทนท์ที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มดังกล่าวโดยแบรนด์สินค้าที่ต้องการเข้าถึงกลุ่ม Beauty Beast ต้องเน้นสิ่งสำคัญทั้งการสื่อสารเรื่องความสวยความงามที่เป็นกลางการ ชูประโยชน์ของเครื่องสำอางว่ามีส่วนช่วยพัฒนาตัวตนหรือบุคลิกภาพ การใช้สื่อออฟไลน์ในการเปิดตัวสินค้าและสร้างการจดจำสินค้าในวงกว้าง และการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อทำคอนเทนท์และสร้างการมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอ

 

           นางสาวสุชาดา สุภาการ Head of Digital Strategic Planning บริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จำกัด เปิดเผยว่า ทัศนคติและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบันมีวิวัฒนาการในเรื่องการใส่ใจดูแลตนเองอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่ขณะนี้ได้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์ ความสวยงาม และไลฟ์สไตล์ที่ต้องดูดีอยู่เสมอ รวมไปถึงกระแส ‘gender-neutral’ หรือการไม่จำกัดเพศที่ได้เปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีต่อความงามซึ่งได้มองถึงสินค้าหรือบริการด้านความสวยงามว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตประจำวัน ล่าสุดจึงได้ทำความร่วมมือกับ บริษัท เอ็มไอ กรุ๊ป เพื่อทำการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรม กลุ่ม “Beauty Beasts” หรือหนุ่มสาวยุคใหม่ที่หลงใหลในเรื่องความสวยความงาม  และต้องการปรับบุคลิกภาพของตนเองให้สมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยให้กลุ่มนักการตลาดได้รับข้อมูล - มุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับความสวยความงามของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน และสามารถนำไปกำหนดกลุยทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม




           สำหรับการศึกษาในครั้งนี้ได้ผสมผสานวิธีการวิจัยทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ผ่านบทสนทนาเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจทัศนคติ และพฤติกรรมของกลุ่ม Beauty Beasts โดยทำการศึกษา จำนวนทั้งหมด 414 คน แบ่งเป็นชาย 201 คน และ หญิง 213 คน โดยกลุ่ม The Male Beasts  เป็นชายแท้ กลุ่มคนเมือง อายุ 16 - 30 ปี มีรายได้ครัวเรือนระดับกลางถึงระดับสูง และใช้เครื่องสำอางของผู้หญิงในการแต่งหน้าเป็นประจำอย่างน้อย 3 ชนิดและ The Female Beasts ผู้หญิงกลุ่มคนเมือง อายุ 20 - 35 ปี โดยมีรายได้ครัวเรือนระดับกลางถึงระดับสูง ที่ใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้าเป็นประจำและหลงใหลในวัฒนธรรมเคป๊อบ (K-Pop) ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า


60% ของกลุ่ม Beauty Beasts ให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่และความสุขของตนเอง (Self-focused and self-care) ก่อนที่จะให้ความสนใจกับคนรอบข้าง ความสุขของกลุ่มนี้เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันมากกว่าการวางเป้าหมายเรื่องการประสบความสำเร็จในการเรียนหรือหน้าที่การงาน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมโดดเด่นในเรื่องการเป็น “Trend Adapter” ที่มักจะปรับเทรนด์ให้เหมาะสมกับสไตล์และความชอบของตนเองมากกว่าการเลียนแบบจากกระแสนิยม และ 96% ยังให้ความเห็นว่า “ชอบที่จะตามเทรนด์ให้ทันและปรับให้เข้ากับสไตล์และความชอบเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล”

นางสาวสุชาดา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อีกข้อมูลที่น่าสนใจในสังคม Beauty Beasts ที่เติบโตมากับ Digital Technology และเป็น Digital Native หนุ่มสาวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักสร้างคอนเทนท์ในเรื่องที่แต่ละคนสนใจ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย และหลาย ๆ คนอยากที่จะพัฒนาตนเองให้เป็น Content Creator หน้าใหม่ ซึ่งพวกเขาให้ความสำคัญในการออกแบบและสร้างสรรค์คอนเทนท์ก่อนโพสต์บนโซเชียลมีเดียเสมอ โดย 52% ของ Male Beasts และ 56% ของ Female Beasts ใช้เวลาในการแก้ไขปรับแต่ง รูปภาพ / คอนเทนท์ ก่อนโพสต์บนโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ผู้หญิงมักจะให้ความพิถีพิถันในการตกแต่งรูปภาพมากกว่าผู้ชาย และจากพฤติกรรมนี้ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนักการตลาดที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่ม Beauty Beasts ได้ด้วยการสร้างกิจกรรมทางการตลาดที่โฟกัสไปที่สิ่งสนุกสนาน และการสร้างแคมเปญที่ดึงดูดให้กลุ่ม Beauty Beasts อยากทำคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย และเผยแพร่ไปยังผู้ใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์ม

“การศึกษากลุ่ม Beauty Beasts ในครั้งนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะ Male Beasts ที่ขณะนี้ให้ความสำคัญในการดูแลตนเอง รวมไปถึงการทำให้ตนเองดูดีขึ้นจากการใช้เครื่องสำอางผู้หญิง โดยบางคนสามารถพัฒนาตนเองจนเป็นผู้เชี่ยวชาญมากกว่าผู้หญิงบางกลุ่ม และยังพบว่ากลุ่ม Male Beasts เริ่มสนใจแต่งหน้าตั้งแต่วัยมัธยม ใช้เครื่องสำอางผู้หญิงแต่งหน้าโดยเฉลี่ยถึง 9.3 ชนิดอยู่เป็นประจำ โดยมากถึง 78% ใช้รองพื้น 65%ใช้อายไลน์เนอร์ และ 56% ใช้ดินสอเขียนคิ้ว นอกจากนี้ยังได้ทราบถึงความเห็นอีกว่า 78% ของ Male Beasts เห็นด้วยว่า การใช้เครื่องสำอางเพราะการดูแลลุคของตนเองเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตนเอง ซึ่งไม่ต่างจาก 81% ของ Female Beasts ที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และมองว่าการใช้เครื่องสำอางคือการพัฒนาตนเองเช่นเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าค่านิยมในการดูแลตนเองไม่ใช่แค่เรื่องของเพศหญิง หรือเพศใดเพศหนึ่งอีกต่อไป”

นางสาวสุชาดา กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกยังพบว่า สิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับนักการตลาดและแบรนด์สินค้าที่ต้องการเข้าถึงกลุ่ม Beauty Beast ต้องเน้นการสื่อสารเรื่องความสวยความงามที่เป็นกลางไม่แบ่งแยกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้น ชูประโยชน์ที่ได้รับนอกเหนือการจากใช้ผลิตภัณฑ์ว่าสามารถพัฒนาตัวตนหรือบุคลิกภาพของกลุ่ม Beauty Beasts ได้ อีกทั้งต้องสื่อสาร - ทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านทาง Beauty Bloggers ทั้งหญิงและชายในช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น IG Stories หรือ Tik Tok อย่างสม่ำเสมอ และสุดท้ายแบรนด์ควรมีช่องทางการขายผ่านทั้งทางจุดจำหน่ายตามห้างร้านค้า และทาง e-commerce เนื่องจากแต่ละช่องทางมีจุดเด่นในการกระตุ้นให้เกิดการซื้อที่ต่างกันคือ จุดจำหน่ายตามห้างมีบทบาทในการสร้างประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ออนไลน์มีบทบาทในด้านการใช้โปรโมชั่นและสามารถเข้าถึงได้ทุกที่

     ทางด้าน นางสาววรินทร์ ทินประภา Chief Strategy Officer เอ็มไอ กรุ๊ป ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของช่องทางการสื่อสาร โดยในส่วนของสื่อออฟไลน์ต่อกลุ่ม Beauty Beasts พบว่า ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้ ทำให้สินค้าและแบรนด์เป็นมีรู้จักและจดจำได้ดี โดยบทบาทของแต่ละช่องทางมีความแตกต่างกัน 64% ให้ความเห็นว่าสื่อทีวีช่วยให้ได้รู้จักแบรนด์หรือสินค้าใหม่ ๆ 42% เผยว่าสื่อนอกบ้าน (Out of Home) ทำให้จดจำแบรนด์หรือสินค้าต่างๆได้ดียิ่งขึ้น สื่อ ณ จุดขาย –37% เห็นด้วยว่าช่วยกระตุ้นให้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ทันที และวิทยุ  37% เห็นด้วยว่า ทำให้จดจำแบรนด์หรือสินค้าต่าง ๆ ได้ดี       จึงเหมาะกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ต้องการสร้างการรับรู้และทำให้สินค้าหรือแบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

ในส่วนบทบาทของสื่อออนไลน์ต่อกลุ่ม Beauty Beasts ก็เช่นกันโดยเฉพาะในปัจจุบัน โซเชี่ยลมีเดีย มีหลากหลายแพลตฟอร์มให้ผู้บริโภคใช้เพิ่มมากขึ้น พบว่า 75% ใช้ Facebook เป็นช่องทางให้การอัพเดตข้อมูลข่าวสาร ขณะที่ 55% ใช้ Line เพื่อติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างและซื้อสินค้า 55% ใช้ YouTube ในการค้นหาไอเดีย และเพื่อความบันเทิง ส่วน Facebook Messenger เป็นอีกช่องทางที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเนื่องจากจำนวนถึง 66% มีประสบการณ์ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าทันทีผ่านช่องทางดังกล่าว ด้าน Instagram  พบว่า 44% ใช้ IG เป็นพื้นที่ในการหาแรงบันดาลใจและสร้างคอนเทนท์ของตัวเอง ขณะที่ TikTok – 51% เคยมีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ บน TikTok และใช้ TikTok เพื่อความบันเทิง ส่วนสุดท้ายคือ Twitter ซึ่ง 59% ใช้เพื่อสื่อสาร ติดตามไอดอล หรือเซเลบริตี้ต่าง ๆ เพื่อรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลที่เขาชื่นชอบมากขึ้น

     จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในครั้งนี้ ทางบริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จับมือกับ บริษัท เอ็มไอ กรุ๊ป ได้มุ่งเน้นที่จะสร้างคอนเทนท์ที่มีความหลากหลาย และเน้นการเจาะลึกข้อมูลในมุมมองของผู้บริโภค ในสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญในชีวิตประจำวัน

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://beauty-beasts.idacthailand.com/BeautyBeasts_i-dacxmi.pdf

ติดตามข้อมูลข่าวสารอื่นๆได้ทาง i-dac Bangkok : https://www.facebook.com/idacbkk