AIA x RISE Accelerator ผนึกสตาร์ทอัพระดับโลก เร่งนวัตกรรมสู่อนาคตแบบ 360 องศา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
เอไอเอ ประเทศไทย ผนึกกำลัง RISE เปิดตัว “AIA x RISE Accelerator” จับมือสตาร์ทอัพระดับโลก ปั้นนวัตกรรมเสริมแกร่งความเป็นหนึ่งรอบด้าน
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า
“เอไอเอ ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 83 ปี เราไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยี และการบริการ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) เพื่อมอบการดูแลที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าตลอดทุกช่วงชีวิต
ซึ่งการที่เอไอเอ ร่วมมือกับ RISE ในครั้งนี้
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่เรากำลังผลักดันองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรเพื่ออนาคตอย่างเต็มรูปแบบ
ผ่านการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในองค์กร
เพื่อต่อยอดและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเอไอเอ โดยมี RISE ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมองค์กร และเทคโนโลยีมาช่วยดึงเอาศักยภาพของสตาร์ทอัพทุกทีมที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายออกมา เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะเป็นโซลูชันใหม่ให้กับอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทย
ตามที่เอไอเอได้ตั้งเป้าหมายไว้ในการเป็นที่ 1 ด้านนวัตกรรมเพื่อส่งมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้าและคนไทยทั่วประเทศ
ด้าน นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง RISE กล่าวว่า “รู้สึกยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากทางเอไอเอ ที่นับเป็นเบอร์ 1 ในวงการธุรกิจประกันชีวิต ในการร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ AIA x RISE Accelerator ซึ่ง RISE เองในฐานะผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยเร่งสปีดนวัตกรรมให้กับองค์กรชั้นนำมามากกว่า 400 แห่งทั่วเอเชีย พร้อมด้วยเครือข่ายสตาร์ทอัพกว่า 20,000 รายทั่วโลก เราได้ตั้งเป้าผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากความร่วมมือ ระหว่างเอไอเอและสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันชีวิตให้กับคนไทย และพาให้องค์กร สำเร็จได้ตามเป้าประสงค์”
AIA x RISE Accelerator เป็นโครงการแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบโจทย์ อุตสาหกรรมประกันชีวิตโดยเฉพาะ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการนำนวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับพนักงาน และตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดในการส่งมอบการบริการและประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตแบบ 360 องศา เตรียมความพร้อมสู่การเป็น Digital Insurer ที่ตอบโจทย์ทั้งรูปแบบการทำงานสำหรับคนรุ่นใหม่ และการให้บริการลูกค้าที่รวดเร็ว ทันต่อความต้องการในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง ผ่านการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพจากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดึงศักยภาพของสตาร์ทอัพเหล่านี้ มาช่วยพัฒนานวัตกรรมให้กับเอไอเอ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของเอไอเอ ที่ไม่เพียงแต่จะพัฒนาด้านนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าและธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมพร้อมกับการสนับสนุนสตาร์ทอัพ และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและมีโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
ทั้งนี้ เอไอเอ และ RISE ได้ร่วมกันค้นหาและคัดเลือกสตาร์ทอัพที่สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมดกว่า 200 ทีมจากทั่วโลก โดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกสตาร์ทอัพจากการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจ ทันสมัย และมีความเป็นไปได้ในการนำมาปรับใช้ในองค์กรเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ ทั้งในด้านประสบการณ์ลูกค้า (Customer Journey) การเข้าถึงลูกค้า (Customer Reach) การตอบสนองความต้องการของลูกค้า (Customer Needs) และ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) โดยมีทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่จะมาทำงานร่วมกับเอไอเอ ได้แก่
·
GoalsMapper (สิงคโปร์) จะมาทำงานร่วมกับเอไอเอในการคิดค้นเครื่องมือเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับความสามารถของตัวแทนประกันชีวิตให้ก้าวสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิตและการลงทุนมืออาชีพ
พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกันไปของลูกค้าแต่ละบุคคล
·
Autify (ญี่ปุ่น)
เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ไปสู่ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกับโซลูชันด้านระบบทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ
(no-code
software testing automation) โดย Autify
จะนำ AI (Artificial
Intelligence)
เข้ามาช่วยตรวจจับและแก้ไขโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการทดสอบ
· Lightwork (ไทย) ร่วมกับเอไอเอคิดค้นเครื่องมือโดยใช้
Robotic Process Automation (RPA) หรือ แรงงาน หุ่นยนต์ดิจิทัลมาใช้ในการกระบวนการพิจารณารับประกันภัย ตั้งแต่การอนุมัติกรมธรรม์
ไปจนถึงขั้นตอนการเรียกร้องสินไหม และจ่ายค่าสินไหมทดแทน
· Vulcan Coalition (ไทย) จะมาทำงานร่วมกับเอไอเอทีม Data scientist ในการจัดประเภทของข้อมูล (Data labelling) ให้เป็นระบบและประหยัดต้นทุนโดยมีผู้พิการที่ได้รับการฝึกฝนในการระบุประเภทของข้อมูลและทำการแยกแยะข้อมูล
เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้รับการจัดประเภท (Data labelling) ไปพัฒนา Machine
Learning
· Vonder (ไทย) คิดค้นสื่อการเรียนรู้และการอบรมออนไลน์
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Microlearning ที่มีการนำเทคโนโลยีเกมมาประยุกต์ใช้ที่ช่วยสร้างความสนุกและสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
· Tetherfi (สิงคโปร์) Advance ethic monitoring for telesales คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวก ในการทำงานของฝ่ายขายทางโทรศัพท์
(Telesales) เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าจากที่ใดก็ได้ ทำให้ลูกค้าได้รับ
ประสบการณ์ที่ดี รวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำในทุกๆ ขั้นตอน
· Smarten Spaces (สิงคโปร์) คิดค้นเทคโนโลยีทางด้าน Hybrid Workplace ที่เพิ่งได้รับรางวัล COVID Management of Year โดย Singapore Business Review 2020 ที่นำนวัตกรรมเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) และ IoT (Internet Of Things) เข้ามาจัดการพื้นที่ทำงานให้ปลอดภัยและยืดหยุ่น แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับสตาร์ทอัพที่เข้ารอบสุดท้ายจะมีโอกาสในการคว้าเงินรางวัลรวมมูลค่าสูงถึง 1 ล้านบาทจากเอไอเอ ประเทศไทย และมีโอกาสได้รับเงินลงทุนสูงถึง 3 ล้านเหรียญสหรัฐจาก SeaX Ventures กองทุนสัญชาติไทยที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงทั่วโลก โดยสตาร์ทอัพที่เข้ารอบสุดท้ายจะเข้ามาร่วมทำงานและพัฒนาโซลูชันกับเอไอเอ เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน และจะมีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมในงาน Demo Day ที่จะเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2565
สามารถติดตามและอัปเดตความเคลื่อนไหว รวมถึงศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ
AIA x RISE Accelerator ได้ทาง aia.riseaccel.com
หมายเหตุ:
*อันดับ 1 ด้านสัดส่วนการตลาด (Market Share) และเบี้ยประกันภัยรวม (อ้างอิงจากสมาคมประกันชีวิตไทย ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2564)
-จบ-
เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย
เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ที่ 330 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 39 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 16 ล้านคน
กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY
เกี่ยวกับ
RISE
RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร มีภารกิจหลัก คือการเพิ่ม 1% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (Gross Domestic Product) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ RISE ทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรผ่านแพลตฟอร์มที่ RISE ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรม อาทิ เช่น ศูนย์เร่งสปีดนวัตกรรมให้องค์กร (Corporate Accelerator), มหาวิทยาลัยผู้ประกอบการในองค์กร (Intrapreneur University), บริการสร้างธุรกิจใหม่ (Venture Building Services) และ งานสัมมนานวัตกรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำจริงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (Corporate Innovation Summit : CIS - Asia’s Largest Experiential Conference) เป็นต้น
4
ปีที่ผ่านมา RISE
ได้สร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมองค์กรผ่านเครือข่ายทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรชั้นนำกว่า 500 แห่งในเอเชีย สตาร์ทอัพกว่า 2,000 ราย
และคอมมูนิตี้ด้านนวัตกรรมในอีก 40 ประเทศทั่วโลก ภายในเวลา 4 ปี RISE ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า
1.2
พันล้านเหรียญสหรัฐ
เทียบเท่าการจ้างงานเพิ่มกว่าแสนตำแหน่งให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้