ADS


Breaking News

พม. MOU เครือข่ายกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการบนหลักสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชนสตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์

พม. จับมือภาคีเครือข่าย ลงนามความร่วมมือ เรื่อง การกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการบนหลักสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชนสตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
นางพัชรี  อาระยะกุล 
ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

     วันนี้ (31 ส.ค. 64) เวลา 15.00 น. นางพัชรี  อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.)  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการบนหลักสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชนสตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระหว่าง 5 หน่วยงาน ได้แก่ 1) กระทรวง พม. 2) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)  3) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 4) ศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) และ 5) สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมทั้งลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยแอปพลิเคชัน Zoom Meeting 
     นางพัชรี กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารจำนวนมากที่ประชาชนรับส่งอย่างรวดเร็วผ่านสื่อต่างๆ มีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการดำรงชีวิต และอาจนำไปสู่พฤติกรรมการเลียนแบบได้ เนื่องจากอิทธิพลของสื่อต่างๆ ที่มีต่อค่านิยม ความเชื่อถือ และการนำไปปฏิบัติของคนในสังคมส่วนมาก สำหรับการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่านทางสื่อต่างๆ ในประเด็นที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ การกระทำความรุนแรง ในเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ อาจส่งผลให้ประชาชนมีการตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวลดลง และเกิดความเคยชิน ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเพิกเฉยต่อการพบเห็นหรือการกระทำดังกล่าว นอกจากนี้ ยังทำให้ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ถูกกระทำน้อยลง 
     นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ได้มีแนวคิดให้กระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นองค์กรหลักในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเฝ้าระวังสื่อที่ไม่เหมาะสมและส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการเฝ้าระวังสื่อที่ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชน  สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งวันนี้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการบนหลักสิทธิพื้นฐานของเด็กและเยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระหว่าง 5 หน่วยงาน โดยมีผู้ร่วมลงนาม ดังนี้  1) นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวง พม. 2) นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวง วธ. 3) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. 4) รองศาสตราจารย์ สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) และ 5) นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ นายกสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกทั้งมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน ได้แก่ กระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ  กรมกิจการผู้สูงอายุ  และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  กระทรวง วธ. โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสื่อมวลชน 
     นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 5 หน่วยงานครั้งนี้ เพื่อมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบกิจการ สื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง  และสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังการนำเสนอเนื้อหาของสื่อที่ไม่เหมาะสมตามแนวทางการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ตามประกาศ กสทช.  อีกทั้งเพื่อมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชนได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลง ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ยังถือเป็นส่วนสำคัญของความร่วมมือกันระหว่าง 5 หน่วยงาน ในการกำกับดูแลการนำเสนอเนื้อหารายการ บนหลักสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและสังคม  โดยคำนึงถึงเนื้อหาที่มีความสร้างสรรค์ และไม่ทำลายความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนต้องแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งร่วมกัน