โรลส์-รอยซ์ จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ทำลายทุกสถิติในปี 2562
7 มกราคม 2563, กู๊ดวูด
- ยอดขายรวมประจำปีอยู่ที่ 5,125 สูงสุดในประวัติศาสตร์ 116 ปีของแบรนด์
- ยอดขายที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นการเติบโต 25% จากยอดขาย 4,107 คัน ในปี 2561
- ยอดขายต่อปีเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก
- คัลลิแนน และ แบล็ค แบดจ์ ได้รับความนิยมอย่างสูง จนสามารถสร้างฐานอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและมั่นคงให้กับ
- ยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ รุ่นอื่นๆ อีกด้วย
- ผลงานรังสรรค์แบบสั่งผลิตพิเศษ (Bespoke) ที่งดงาม และยนตรกรรม Collection Cars ตอกย้ำสถานะของโรลส์-รอยซ์ ในฐานะผู้ผลิตชั้นนำแห่งยนตรกรรมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี
- มีการลงทุนครั้งสำคัญในการพัฒนาฐานการผลิตที่กู๊ดวูด และขยายทีมการผลิตเพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก
- ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Apprenticeship Programme ในปี 2562 มีจำนวนมากที่สุดตั้งแต่เริ่มโครงการ
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ทำลายสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2562 ด้วยความสำเร็จระดับโลก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ 116 ปีของบริษัท ยนตรกรรมจำนวน 5,125 คัน ถูกส่งมอบให้กับลูกค้าในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้น 25% จากสถิติก่อนหน้าที่เคยบันทึกไว้ช่วงปี 2561 และผลสัมฤทธิ์ที่ดีเลิศเช่นนี้ก็ทำให้โรลส์-รอยซ์ สามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับผลประกอบการโดยรวมของ BMW Group ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก
มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวเกี่ยวกับความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ผลประกอบการในปีนี้แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ในหลายๆ แง่มุม ผมมองว่าสำหรับบริษัทใดๆ ก็ตาม การสร้างการเติบโตถึง 25% ภายในปีเดียว คือความสำเร็จที่น่าทึ่ง และยิ่งถ้าต้องเผชิญกับผลกระทบในด้านต่างๆ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ยิ่งนับเป็นความสำเร็จอันหาที่เปรียบไม่ได้ นี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงคุณภาพและความซื่อตรงต่อผลิตภัณฑ์ของเรา ความเชื่อมั่นและความหลงใหลในผลิตภัณฑ์จากลูกค้า และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ทักษะ ความทุ่มเท และความมุ่งมั่นของทีมงานที่ยอดเยี่ยมของเราที่กู๊ดวูด และทั่วโลก”
การเติบโตของยอดขายทั่วโลก
ปีที่ผ่านมา ยอดขายของ โรลส์-รอยซ์ เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ซึ่งได้รับแรงขับเคลื่อนมาจากความต้องการของลูกค้า ที่เหนียวแน่นต่อยนตรกรรมทุกรุ่น ตลาดสำคัญทุกแห่งของบริษัทสร้างสถิติยอดขายใหม่ โดยยอดสูงสุดอยู่ที่อเมริกาเหนือ (ประมาณ 33% ของยอดขายทั่วโลก) ตามมาด้วยจีน (ยอดขายเพิ่มขึ้น 25% จากปี 2561) และประเทศอื่นๆ ที่ทำลายสถิติยอดขายในตลาดของตนเอง ได้แก่ รัสเซีย, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, กาตาร์ และเกาหลีใต้
ในปี 2562 ยนตรกรรมจาก โรลส์-รอยซ์ ถูกจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในปีนี้ โรลส์-รอยซ์ ยังได้ประกาศต้อนรับตัวแทนจำหน่ายใหม่อีกสองราย ได้แก่ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส บริสเบน และ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เซี่ยงไฮ้ ผู่ตง เป็นผลให้แบรนด์มีตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกถึง 135 ราย
สำหรับยอดขายโรลส์-รอยซ์ในประเทศไทยก็ได้ส่งสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดปี พ.ศ. 2562 โดยมีปัจจัยบวกเป็นความสนใจของลูกค้าที่มีต่อยนตรกรรมทุกรุ่นซึ่งยังคงเส้นคงวาและกระแสความนิยมของคัลลิแนนที่เพิ่มมากขึ้น
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้นำเข้ายนตรกรรมโรลส์-รอยซ์อย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย ส่งท้ายปีด้วยการเผยโฉม เรธ อีเกิล VIII (Wraith Eagle VIII) ผลงานสั่งผลิตพิเศษชั้นสูงจากกู๊ดวูดเพื่อตลาดประเทศไทยโดยเฉพาะ ที่มาพร้อมกับแพ็คเกจประกันทั่วภูมิภาคและบริการหลังการขายครบครัน
โรลส์-รอยซ์ทุกรุ่นยอดขายเติบโตทั่วโลก
แฟนธอม ยังคงครองบัลลังก์ในฐานะยนตรกรรมยอดนิยมอันดับหนึ่งของบริษัท ตามมาด้วย ดอว์น และ เรธ ยนตรกรรมทั้งสามรุ่นนี้ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ขณะที่ คัลลิแนน เอสยูวีน้องใหม่ ก็ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนเสียงชื่นชมจากสื่อและสาธารณชนในปี 2562 ให้กลายเป็นยอดสั่งจองล่วงหน้าที่สูงที่สุด และยอดขายหลังการเปิดตัวที่ทะยานขึ้นเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์
และสิ่งที่พอจะสู้ได้สูสีกับความร้อนแรงของ คัลลิแนน ที่ผู้คนตั้งตารอคอยมาตลอดทั้งปี ก็คือความตื่นเต้นจากสื่อและสาธารณชนที่ถูกปลุกเร้าโดยการเปิดตัว ‘ราชันย์แห่งรัตติกาล แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน’ ในเดือนพฤศจิกายน การเปิดตัวนี้คือการทิ้งท้ายอย่างสมบูรณ์แบบให้กับยนตรกรรมตระกูล แบล็ค แบดจ์ ที่ทรนงและทรงพลัง รังสรรค์ขึ้นเพื่อคนยุคใหม่ที่มีรสนิยมสูง ปฏิเสธที่จะถูกตีกรอบด้วยนิยามความหรูหราแบบดั้งเดิม แต่เลือกที่จะเดินตามเส้นทางและกฎเกณฑ์ที่ออกแบบเอง
ที่สุดแห่งความหรูหราถูกกลั่นออกมาอยู่ในพื้นที่ทุกตารางนิ้วของยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน
ที่นำเสนอระดับใหม่ของความมั่นใจและสมรรถนะให้แก่หนุ่มสาวยุคใหม่ที่รู้จักเลือกและพิถีพิถัน
ถึงคราวอำลาโกสต์ – แต่แค่อึดใจเดียว!
ปี 2562 คือ จุดสิ้นสุดของการผลิต โกสต์ หลังจาก 11 ปีของความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านยอดขายและคำชมจากนักวิจารณ์ นับตั้งแต่เปิดตัวที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ในปี 2552 โกสต์ ก็ได้สถาปนาตนเองเป็นยนตรกรรมคลาสสิกสมัยใหม่ได้อย่างไร้ข้อกังขา
ในฐานะ โรลส์-รอยซ์ รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคของกู๊ดวูด โกสต์ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ให้แบรนด์ โรลส์-รอยซ์ ซึ่งมีอายุน้อยลง และโดยมากเป็นผู้ประกอบการที่สร้างฐานะด้วยตนเอง โกสต์ รุ่นฐานล้อยาวเปิดตัวในปี 2554 และ โกสต์ ซีรีส์ II ก็เปิดตัวตามมา ณ เจนีวา ในปี 2557 โกสต์ คันสุดท้ายของรุ่นปัจจุบันได้อำลาสายการผลิตที่กู๊ดวูดไปเมื่อปลายปี 2562 และหลังจาก 5 ปีในการรังสรรค์ ผู้ที่จะมารับช่วงต่อจากโกสต์ ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2563 จะมายกระดับชื่อเสียงของ โกสต์ และแบรนด์ให้ก้าวไปสู่อีกขั้นของความสมบูรณ์แบบและความทะเยอทะยานในการออกแบบ วิศวกรรม วัสดุ และการขับขี่
Bespoke: เพชรน้ำเอกแห่งโรลส์-รอยซ์
ความต้องการทั่วโลกที่มีต่อยนตรกรรมสั่งทำพิเศษ (Bespoke) จากโรลส์-รอยซ์ ได้ไต่ระดับมาจนถึงจุดสูงสุดครั้งใหม่ในปี 2562 กลุ่มนักออกแบบ Bespoke Collective ที่ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ซัสเซ็กซ์ ประกอบด้วย ครีเอทีฟ ดีไซเนอร์ วิศวกร และช่างศิลป์หลายร้อยคน บุคลากรทักษะสูงเหล่านี้ภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ตอบโจทย์ของลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามามากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และต่างต้องการงานออกแบบพิเศษ เจาะจงถึงระดับองค์ประกอบและรายละเอียดของยนตรกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจแต่ละคัน เช่น โรส แฟนธอม
ในฐานะผู้นำระดับโลกอย่างแท้จริงในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ นักออกแบบจาก Bespoke Collective สามารถเข้าถึงและถ่ายทอดจินตนาการของลูกค้า ผู้ที่ชื่นชอบ สื่อ และแฟน ๆ ด้วยคอลเล็กชันยนตรกรรมในปี 2562 ที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ สมดังคำกล่าวที่ว่า ‘Bespoke is Rolls-Royce’
ครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น
ด้วยความแข็งแกร่งของทีมงาน โรลส์-รอยซ์ กว่า 2,000 คน จากกว่า 50 สัญชาติ ทำให้ทีมงานที่ Home of Rolls-Royce นั้นใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเปิดศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก (Global Centre of luxury Luxury Manufacturing Excellence) ในปี 2546
ก้าวสู่อนาคตด้วยความมั่นใจ
ในปีนี้ โรลส์-รอยซ์ ได้ทำการลงทุนครั้งสำคัญกับฐานการผลิตที่ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทต่อการดำเนินธุรกิจในสหราชอาณาจักรและอนาคตอันสดใสในอีกหลายปีข้างหน้า
ฐานการผลิตใหม่นี้จะมีความสูงสองชั้น มีกำหนดการแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งจะทำให้พื้นที่ชั้นล่างที่ใช้เป็น Assembly Hall กว้างขึ้นอีกกว่า 1,000 ตารางเมตร และเพิ่มพื้นที่สำนักงานในชั้นสอง
ในตอนท้าย มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “โรลส์-รอยซ์เป็นบริษัทที่ไม่เหมือนใคร เราทุกคนตระหนักถึงอภิสิทธิ์ที่พวกเราได้รับในฐานะผู้ออกแบบ สร้าง และส่งมอบยนตรกรรม ที่ดีที่สุดในโลกให้กับลูกค้าของเรา สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งใจที่ได้เป็นผู้กุมเข็มทิศให้กับบริษัท
ที่ยิ่งใหญ่นี้มาตลอดทศวรรษที่ผ่านมาและสำหรับปีต่อๆไป”
++++++++++
ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เป็นบริษัทในเครือของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีสำนักงานใหญ่และฐานการผลิตอยู่ที่กู๊ดวูด เวสต์ซัสเซก ซึ่งเป็นเพียงที่เดียวในโลกที่ยานยนต์ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีของบริษัททุกคันผ่านการประกอบด้วยมืออย่างประณีต โดยพนักงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 2,000 ชีวิต ทั้งนี้ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เป็นคนละบริษัท และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ บมจ. โรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน
ข้อมูลเพิ่มเติม
ข่าวประชาสัมพันธ์ รวมถึงรูปภาพความละเอียดสูงและคลิปวิดีโอ สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ PressClub
ติดต่อทีมงานฝ่ายการสื่อสารของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ทั้งทาง ทวิตเตอร์ และ อินสตาแกรม
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก คือตัวแทนจำหน่ายยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่ได้รับอนุญาตหนึ่งเดียวในประเทศไทย ภายใต้การดูแลของบริษัทกู๊ดวูด ออโต้เวิร์ค จำกัด (Goodwood Autowork Co., Ltd.)
ด้วยการบริการจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตหนึ่งเดียวนี้ ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์จะได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำในทุกแง่มุมของยานยนต์ ซึ่งประกอบไปด้วยแพคเกจสำหรับเจ้าของยนตรกรรมครอบคลุมระยะเวลาสี่ปี การประกันแบบไม่จำกัดระยะทาง แพ็คเกจบริการและความช่วยเหลือระหว่างการเดินทาง รวมไปถึงอะไหล่แท้และการอัพเดทซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
บุคลากรของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก คือช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นทางการโดยโรลส์-รอยซ์ ประเทศไทยเท่านั้น และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์สำหรับซ่อมแซมและการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดได้ตลอดเวลา การฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทำให้ทีมช่างของเราก้าวนำเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดอยู่เสมอ