รมช.พาณิชย์ กำชับ SACICT ดันไทยเป็น ฮับงานศิลปหัตถกรรมอาเซียน
"วีรศักดิ์" สั่งการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT กำหนดแผนยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านงานศิลปหัตถกรรมในภูมิภาคอาเซียน พร้อมดึงเทคโนโลยีเข้ามาแก้โจทย์การผลิตและขยายตลาดงานศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อสร้างยอดขายให้ชุมชน ที่รักษาภูมิปัญญาไทยมีรายได้มั่นคงและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
คุณวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดงาน
จากภารกิจที่ต้องการสืบสาน พัฒนาและต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย เริ่มจากการพัฒนาบุคลากร ผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย ที่ปัจจุบัน SACICT ได้คัดเลือกและเชิดชูกลุ่มผู้ทำงานศิลปหัตถกรรมไทยจากทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรมไทย และทายาท ช่างศิลปหัตถกรรมไทย ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 381 คน
SACICT มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรทั้งสามกลุ่ม เน้นการปรับกระบวนการคิดเพื่อสร้างมุมมองใหม่ให้กับช่างผู้ผลิตให้สามารถผลิตงานหัตถศิลป์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างร่วมสมัย สามารถต่อยอดเกิดเป็นอาชีพและขายได้จริงในตลาด การติดอาวุธทางปัญญาด้วยองค์ความรู้ทางเทคนิค พัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ที่ผสานอัตลักษณ์แห่งภูมิปัญญาร่วมกับแนวคิด Today Life’s Crafts ช่วยให้เกิดการแปรรูปสินค้าให้ตรงกับยุคสมัยและความนิยมของผู้บริโภค รวมทั้งการเชื่อมประสานไปยังผู้ซื้อ การสร้างเครือข่ายทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลาดออนไลน์ รวมถึงการสร้างพันธมิตรด้านการค้าใหม่ ๆ
นอกจากนี้ การผลักดันไทยให้เป็น Arts & Crafts Hub of ASEAN ภายใต้การดำเนินงานของ SACICT ที่เป็นศูนย์รวมความรู้งานศิลปหัตถกรรมที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการ บูรณาการข้อมูลงานหัตถศิลป์อย่างรอบด้านในทุกมิติ ผ่านการจัดเก็บข้อมูลบนระบบการสืบค้นข้อมูลที่สามารถใช้งานง่ายทุกที่ทุกเวลา หรือที่เรียกว่า SACICT Archive ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการรวบรวบองค์ความรู้งานหัตถศิลป์บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ทั้งจากตัวบุคคล ตัวผลิตภัณฑ์ และกระบวนการขั้นตอนการทำ เชื่อมโยงข้อมูลกับแหล่งเรียนรู้และชุมชนหัตถกรรมทั่วประเทศ ซึ่งภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคประชาชน นักเรียนนิสิตนักศึกษา ภาคการผลิต ผู้ทำงานศิลปหัตถกรรม ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ SME และผู้ที่มองหาโอกาสทางธุรกิจ สามารถเชื่อมโยงและนำข้อมูลมาใช้งานต่อยอดให้เกิด การพัฒนาตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิผลในการผลิต รวมทั้งช่วยในการสืบสานรักษางานศิลปหัตถกรรมไทยให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป
นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า SACICT มีภารกิจสำคัญในการอนุรักษ์ ส่งเสริมให้เกิดการสืบสาน และต่อยอดภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทยมาตลอดระยะเวลา 16 ปี ของการดำเนินงาน SACICT ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้ทางและ สร้างโอกาสให้แก่ผู้ทำงานศิลปหัตถกรรม เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและขยายตลาดผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้อย่างกว้างขวาง
คุณแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ กล่าว
ในรอบปีที่ผ่านมา SACICT ได้ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “หัตถศิลป์ของชีวิตปัจจุบัน” หรือ Today Life’s Crafts เพื่อสร้างการรับรู้ในคุณค่าความงามของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยว่าสามารถประยุกต์ ใช้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบันได้เสมอ โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ การเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้ทำงานหัตถศิลป์ การพัฒนางานศิลปหัตถกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ให้มีความร่วมสมัย เหมาะสมกับการใช้งาน และสร้างความนิยมและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงงานศิลปหัตถกรรม เพื่อเพิ่มโอกาส ทางการตลาดSACICT ยังให้ความสำคัญต่อการรวบรวมและจัดทำองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมไทยที่ใกล้สูญหาย ซึ่งเป็นการจัดทำองค์ความรู้ประเภทงานศิลปหัตถกรรมที่สะท้อนคุณค่า แสดงถึงซึ่งภูมิปัญญาทั้งศาสตร์ และศิลป์เชิงช่างนับจากในอดีตกาลที่สูญหายหรือที่ใกล้จะสูญหาย โดยบันทึกข้อมูลไว้ในรูปแบบเอกสารจัดเก็บ (Archive) เป็นองค์ความรู้เชิงประจักษ์ เพื่อเก็บรักษาภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมเหล่านี้ไว้เป็นสมบัติอันมีค่าของชาติ ไม่ให้สูญหายสิ้นไปตามกาลเวลา ตลอดจนเพื่อการนำมาถ่ายทอด และเผยแพร่ ให้เกิดการรับรู้ ในคุณค่า ผ่านการดำเนินกิจกรรมร่วมกับผู้มีทักษะฝีมือเชิงช่าง อันจะเป็นแนวทางนำไปสู่การสืบสาน และพัฒนาต่อยอดต่อไป ซึ่งประเภทงานศิลปหัตถกรรมใกล้สูญหาย ที่อยู่ในแผนดำเนินงานอนุรักษ์ และเผยแพร่ให้เกิดการรับรู้ในปี 2563 มีกว่า 40 ประเภทงาน อาทิ งานคร่ำโบราณ งานเครื่องทองลงหิน ตอกหนังใหญ่ จักสานทองเหลือง เครื่องประดับมุก ผ้ายกพุมเรียง ผ้าจวนตานี ผ้าปะลางิง งานเครื่องลงยาสี แทงหยวก ปูนปั้นสด ผ้าสมปักปูม เป็นต้น
ในปี 2563 SACICT ยังคงเดินหน้ายกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านงานศิลปหัตถกรรมในภูมิภาคอาเซียน และในโอกาสที่ในปีนี้ประเทศไทยทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน มีบทบาทสำคัญในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) ร่วมหารือเพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนอาเซียนมุ่งไป สู่ความยั่งยืนในทุกมิติ ความเชื่อมโยง และการมองไปสู่อนาคตร่วมกัน ดังนั้น SACICT จึงได้ยกระดับ องค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดประชุม Arts & Crafts Forum ในระดับอาเซียน การจัดงาน Crafts Bangkok 2020 ซึ่งเป็นงานเดียว ในประเทศไทยที่รวบรวมทุกอย่างของงานคราฟต์ในระดับอาเซียนและนานาชาติ
บันทึกภาพหมู่ร่วมกัน
ด้วยความมุ่งมั่นในพันธกิจ และวิสัยทัศน์ขององค์กรในการ “เป็นศูนย์รวมองค์ความรู้และอนุรักษ์ สืบสานคุณค่าศิลปหัตถกรรมไทย รวมทั้งต่อยอดเชิงพาณิชย์สู่สากล เพื่อให้ชุมชนกินดีอยู่ดี อย่างยั่งยืน” SACICT พร้อมที่จะชี้ทางและสร้างโอกาสและยกระดับงานศิลปหัตถกรรมของไทยสู่ความเป็นสากล อาทิ การเป็นผู้นำด้าน CRAFT TREND กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตศิลป์ร่วมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ SACICT Concept โดยการจับมือกันระหว่างผู้ผลิตงานหัตถศิลป์กับคนรุ่นใหม่ ที่เป็นทั้งนักออกแบบ นักศึกษา และกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อรวมกันจัดทำชิ้นงานหัตถศิลป์ต้นแบบขึ้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับของคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมของไทยมากขึ้น
คุณวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์
คุณแสงระวี สิงหวิบูลย์
รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์
รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์
พิธีกรกล่าวเริ่มงาน และเชิญรับชมวีดีทัศน์
ช่วงสัมมนา
บันทึกภาพหมู่ร่วมกับวิทยากร
ผู้บริหาร ครูช่างศิลป์ และเจ้าหน้าที่ บันทึกภาพร่วมกัน