ADS


Breaking News

“สตม.” เปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติรองรับชาวฮ่องกง

    พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวตตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เป็นประธานในพิธีเปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า “ Automatic Channel ”  สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางเขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ประสานความร่วมมือกับฮ่องกง ในการอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ทั้งในส่วนของชาวฮ่องกง และนักนักธุรกิจและท่องเที่ยวชาวไทย ให้สามารถใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ในลักษณะความร่วมมือทั้งสองฝ่าย (Mutual Use  of Automated Immigration Clearance Service)  โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วทั้งที่การท่าอากาศยานดอนเมืองและการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งสองแห่ง
     ทั้งนี้การให้บริการเปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และนโยบายความมั่นคงของชาติของรัฐบาล ซึ่งเน้นการให้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว ลดปริมาณผู้โดยสารที่เข้าตรวจกับเจ้าหน้าที่ และจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางได้รวดเร็วขึ้น  โดยผู้โดยสารชาวฮ่องกง จะได้รับการตรวจด้วยเครื่อง “Automatic Channel”   จะใช้เวลาในการคัดกรองผู้โดยสารเพียงรายละ 20  วินาที  โดยระบบจะตรวจข้อมูลบาร์โค๊ด ในหน้าหนังสือเดินทางเก็บข้อมูลเที่ยวบินจากบัตรที่นั่งโดยสาร เก็บภาพใบหน้า พิสูจน์อัตลักษณ์ด้วยระบบลายนิ้วมือ หรือ Fingerprint  ด้วยตนเอง และทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ตรวจสอบผู้โดยสารทันทีที่เช็คอินกับสายการบิน ทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูงเชื่อถือได้  เสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ ลดการใช้บุคลากรและผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกงไม่ต้องเดินเข้าไปรอคิวกับผู้โดยสารสัญชาติอื่น ๆ ในคิวปกติ ซึ่งจะช่วยลดเวลาการตรวจของนักท่องเที่ยว นักลงทุนชาวฮ่องกง และยังช่วยลดปริมาณการสะสมหนาแน่นของปริมาณผู้โดยสารในช่วงเที่ยวบินหนาแน่นโดยภาพรวมให้คลี่คลายความคับคั่งได้เร็วขึ้น
พล...สุทธิพงษ์ กล่าวว่า การใช้ช่อง “Automatic Channel”ในการตรวจหนังสือเดินทาง เป็นที่นิยมและใช้งานในหลายประเทศ โดยเฉพาะสนามบินชั้นนำระดับโลก ซึ่งในอนาคตจะขยายไปสู่ด่านตม.ลักอื่น ๆ รวมถึงนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ๆ ตามนโยบายของทางรัฐบาลที่เร่งพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย