“สิงห์ เอสเตท” ประกาศตัวเป็น “พร็อพเพอร์ตี้ เดเวลลอบเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ โฮลดิ้ง คัมปานี” ตั้งเป้าขยายการลงทุนในธุรกิจต่างๆ มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาทภายในปี 2563
กรุงเทพฯ (11 กันยายน 2560) – สิงห์ เอสเตท ประกาศเดินหน้าสู่การเป็น “พร็อพเพอร์ตี้ เดเวล ลอบเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ โฮลดิ้ง คัมปานี” (Property Development and Investment Holding Company)” ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาทภายในปี 2563 จากการพัฒนาธุรกิจในแต่ละเซกเมนต์ (Segment) ทั้งธุรกิจที่พักอาศัย โรงแรม คอมเมอร์เชียล และธุรกิจอื่นๆ เผยนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศเชื่อมั่นร่วมลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกรายได้รวมโตเพิ่มขึ้น 81% ส่วนไตรมาสที่เหลือปีนี้เตรียมเปิดเพิ่มอีก 4 โครงการในประเทศ และ 1 เมกะโปรเจกต์ต่างประเทศ ย้ำวิสัยทัศน์ทางธุรกิจด้วยการสร้างความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวถึงแผนดำเนินธุรกิจว่า บริษัทฯมีนโยบายที่จะดำเนินธุรกิจในแบบ “พร็อพเพอร์ตี้ เดเวล ลอบเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ โฮลดิ้ง คัมปานี” (Property Development and Investment Holding Company)” เน้นการพัฒนาธุรกิจต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนให้มีความแข็งแกร่ง และมีความเติบโตต่อเนื่องเพื่อให้เกิดโอกาสและผลดีในทุกธุรกิจของบริษัทฯ สามารถที่จะสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาธุรกิจแบบบูรณาการ เน้นการสร้างซินเนอร์จี (Synergy) โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ จะสอดคล้องกับภาพรวมตลาด และเทรนด์ของธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งการลงทุนพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ มีหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยตั้งเป้าขยายการลงทุนในธุรกิจต่างๆ มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาทภายในปี 2563 ซึ่งจะประกอบด้วย ธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจคอมเมอร์เชียล (ธุรกิจค้าปลีก และอาคารสำนักงาน) และธุรกิจใหม่ๆที่สร้างโอกาสในอนาคต
สิงห์ เอสเตท มีความพร้อมด้านการเงินจากการเพิ่มทุนและการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 7,720 ล้านบาท ส่งผลให้มีฟรีโฟลต (free-float) เพิ่มขึ้นจาก 24% เป็น 38% โดยมีสถาบันชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจลงทุน โดยสิงห์ เอสเตท ได้เสนอขายหุ้นใหม่แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) มูลค่า 1,664 ล้านบาท ให้กับบลจ.บัวหลวง บลจ.วรรณ และกองทุนแฟรงกลิน เทมเพิลตัน (Frankling Templeton) ซึ่งเป็นกองทุนที่ติดอันดับ Top 5 ของโลก และการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 6,056 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและจับจองเต็มมูลค่า
นายนริศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลประกอบการของสิงห์ เอสเตท ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 2,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 1,229 ล้านบาท และใน 6 เดือนแรกปี 2560 มีกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาโดยไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 263 ล้านบาท
ส่วนครึ่งหลังปี 2560 จะมีการพัฒนาโครงการใหม่อีก 4 โครงการ เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี ที่พัฒนาโดยสิงห์ เอสเตท 2 โครงการ คือ ดิ เอส แอท สุขุมวิท 36 (THE ESSE at Sukhumvit 36) และ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส (SANTIBURI THE RESIDENCES) และโครงการที่พัฒนาโดย บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) (NVD) 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรีริมแม่นำเจ้าพระยา บันยันทรี เรสซิเดนเซส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ (Banyan Tree Residences Riverside Bangkok) และโครงการทาวน์โฮม เนอวานา ดีฟายน์ (Nirvana Define) กรุงเทพกรีฑา ซึ่งจะเน้นการทำตลาดแบบ Living Solution ให้กับกลุ่มไฮเอนด์และเจาะกลุ่มตลาดระดับกลาง-บน
นอกจากนี้ยังมีโครงการเมกะโปรเจกต์ Emboodhoo Lagoon ที่ประเทศมัลดีฟส์ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าเป็นผู้พัฒนาโครงการในระดับเวิลด์คลาส ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 11,000 ล้านบาท โดยพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสในรูปแบบใหม่เจาะตลาดอัพสเกลแฟมิลี่ (Upscale Family) ที่ได้รับความร่วมมือจากเครือฮาร์ดร็อคเข้ามาร่วมเป็น Strategic Partner รายแรกที่จะมาร่วมพัฒนาธีมโฮเทลแห่งแรกในโครงการ
“การดำเนินงานทั้ง 5 โครงการดังกล่าวเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้าสร้างการเติบโตด้วยโครงการพัฒนาธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ เพื่อวางโครงสร้างการเติบโตภายใต้แนวทางการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายนริศ กล่าวในที่สุด
เกี่ยวกับสิงห์ เอสเตท
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจและการลงทุนผ่านการซื้อที่ดินในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงและการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพภายใต้แนวคิด "Best in Class" ควบคู่ไปกับการลงทุน หรือร่วมลงทุนในธุรกิจหรือทรัพย์สินที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยมีเป้าหมายคือ การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โครงการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ด้วยความประณีต เพื่อสร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ ที่ครบถ้วนทั้งการพักอาศัย พักผ่อน ทำงาน และชอปปิ้ง รวมถึงสร้างการเติบโต และส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับ ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ซึ่งจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สิงห์ เอสเตทมีสินทรัพย์ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัทย่อย และกิจการ ร่วมค้า ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในธุรกิจหลัก 3 ส่วน คือ ธุรกิจอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่พักอาศัย