Dell Precision ฉลอง 20 ปีแห่งความสำเร็จ ส่งเทคโนโลยีเวิร์กสเตชั่นใหม่ให้ขุมพลังเต็มเปี่ยม
ในงาน เดลล์ อีเอ็มซี ฟอรัม 2017 เดลล์ สะท้อนความสำเร็จของนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่ง 2 ทศวรรษ และผลงานที่น่าอัศจรรย์จากลูกค้าและคู่ค้าที่รังสรรค์ด้วยเวิร์กสเตชั่น Dell Precision
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – วันที่ 20 กันยายน 2560
ประเด็นข่าวที่น่าสนใจ
- Dell Precision ฉลอง 20 ปี แห่งความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการเสนอเครื่อง work station และอุปกรณ์ที่ช่วยในการออกแบบที่ดียิ่งขึ้น
- เวิร์กสเตชั่น Dell Precision ใหม่อันทรงพลัง ทั้งในรุ่นทาวเวอร์ และแร็ก นับเป็นเทคโนโลยีแรกในตลาดที่รับมือกับความซับซ้อน ให้งานที่สร้างสรรค์ พร้อมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และการเรียนรู้ของเครื่องกล (Machine Learning)
- Dell Canvas ซึ่งเป็นเทคโนโลยีประเภทใหม่ ในส่วนสมาร์ท เวิร์กสเปซ ช่วยต่อยอดผลิตผลด้านความสร้างสรรค์ สำหรับผู้พัฒนาเนื้อหา และดีไซเนอร์
เพื่อเป็นการฉลองการครบรอบ 20 ปีของเวิร์กสเตชั่น Dell Precision เดลล์ ได้ประกาศผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเสริมใน สายผลิตภัณฑ์ด้านเวิร์กสเตชันแบบฟิกซ์ ในตระกูล Dell Precision ทั้งเวิร์กสเตชั่นในรุ่นทาวเวอร์ และแร็ก รวมถึง Dell Canvas อุปกรณ์เวิร์กสเปซใหม่เพื่อการรังสรรค์ด้านดิจิทัล
ในงานเดลล์ อีเอ็มซี ฟอรัม 2017 เดลล์ ได้เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ด้านเวิร์กสเตชั่นแบบฟิกซ์ รุ่นถัดไป คือ Dell Precision 5820 ในรุ่นทาวเวอร์, Precision 7820 รุ่นทาวเวอร์, Precision 7920 รุ่นทาวเวอร์ และ Precision 7920 รุ่นแร็ก ซึ่งเป็นการออกแบบใหม่หมดทั้งภายในและรูปโฉมภายนอก เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพด้านงานเวิร์กโฟล์วที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เดลล์ยังได้นำ Dell Canvas ที่ให้ความละเอียดหน้าจอขนาด 27 นิ้วแบบ QHD ซึ่งเปลี่ยนภาพวาดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวิร์กโฟล์วในแบบดิจิทัล และช่วยต่อยอดการประสานการทำงานร่วมกัน
Dell Precision Towers ใหม่ ผสานนวัตกรรมใหม่ล่าสุด และแชสซีที่ยืดหยุ่นพร้อมพลังในการประมวลผลจากโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® รุ่นล่าสุด พร้อมเน็กซ์ เจนเนอเรชั่น AMD Radeon™ และกราฟิกการ์ดระดับมืออาชีพ NVIDIA® Quadro® ประสิทธิภาพสูงได้รับการรับรองเพื่อการทำงานกับซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันมืออาชีพ เครื่องทาวเวอร์ตัวใหม่สามารถปรับแต่งเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับโครงการซับซ้อน อาทิ การพัฒนาคอนเทนท์ของ virtual reality ได้อย่างแนบเนียนไร้ร่องรอย เทคโนโลยี Dell Reliable Memory Technology (RMT) Pro ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าความท้าทายในส่วนของเมมโมรีจะไม่ส่งผลกระทบต่อเวิร์กโฟล์ว และสิทธิบัตรเฉพาะของ Dell Precision Optimizer (DPO) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องเวิร์กสเตชั่นให้เพิ่มสูงยิ่งขึ้น
ทางเลือกการตั้งค่าที่สามารถปรับเปลี่ยนตามต้องการมอบความยืดหยุ่นที่ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาเวิร์กโหลดต่างๆ แบบเวอร์ชวลรวมไปถึง
- Intel® Xeon® High core count CPUs รุ่นล่าสุดจับคู่กับ NVIDIA Quadro® GP100 ช่วยให้แอปพลิเคชันการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเครื่องจักรกล (machine learning) และการเรียนรู้ในเชิงลึก (deep learning) เกิดขึ้นได้ด้วยระบบ Dell Precision แบบทาวเวอร์ด้วยการผสานกราฟิก ระบบคอมพิวเตอร์ สตอเรจที่สามารถขยายการทำงานได้ในระดับสูง และทางเลือกของระบบเมมโมรีขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน โซลูชันหลายอย่างดังกล่าวจะช่วยให้ระบบปัญญาประดิษฐ์เติบโตได้อย่างรวดเร็ว สนับสนุน วิสัยทัศน์ Realize 2030 vision ของเรา ตลอดจนรูปแบบการใช้งานต่างๆ ที่หลากหลาย
- NVIDIA Pascal GPUs รวมทั้ง HBM memory และเทคโนโลยี NVLink ส่งผลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่อพลังการทำงาน ประสิทธิภาพ และความสามารถสำหรับผู้ใช้มืออาชีพในการสร้างสรรค์การออกแบบที่ความซับซ้อนอย่างที่สุดในคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานวิศวกรรม (CAE) และประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ทาง VR ที่เสมือนมีชีวิตจริง (life-like VR)
- AMD Radeon™ Pro SSG Graphics พร้อม HBM2 memory ที่รวดเร็วและ 2TB of SSD ออนบอร์ดที่ช่วยให้สามารถตัดต่อวิดีโอขนาด 8K พร้อมเล่นด้วยการใช้การประมวลผลประสิทธิภาพสูงของชุดข้อมูลที่มีขนาดมหึมา รวมไปถึงการเรนเดอร์ (rendering) โครงการขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การใช้งาน แอพพิเคชั่น Adobe Premiere Pro™ และ Adobe After Effects™ เข้ากับโซลูชัน Radeon Pro SSG API อย่างเต็มรูปแบบที่ช่วยให้มืออาชีพด้านการสร้างสรรค์สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดการตัดต่อและการเล่น (playback) ที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน
Dell Precision 7920 Rack เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างความปลอดภัยให้กับคนทำงานที่อยู่ห่างไกล พร้อมมอบพลังในการทำงานและความสามารถในการขยายขีดความสามารถในการรองรับการรทำงานในรูปแบบเดียวกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นแบบทาวเวอร์ประสิทธิภาพสูงในรูปแบบของ 2U ฟอร์ม แฟคเตอร์
“เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อนของ Dell Precision เวิร์กสเตชั่น คุณจะรู้สึกได้ถึงการที่ความสามารถของเครื่องเวิร์กสเตชั่นของเรา เมื่อผสานเข้ากับซอฟต์แวร์เพื่อประสิทธิภาพที่ได้รับการรับรองและความสร้างสรรค์ของลูกค้าที่เยี่ยมยอดของเราแล้ว จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่ออะไรขึ้นได้บ้าง” นายอโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร เดลล์ อีเอ็มซี ภูมิภาค อินโดจีน กล่าว “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เทียบได้กับความสำร็จเหล่านั้นคือ สายผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชั่น Dell Precision ใหม่เหล่านี้ที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราพร้อมสำหรับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในครั้งต่อไปที่จะท้าทายทั้งรูปแบบทางธุรกิจพร้อมสร้างความสั่นสะเทือนให้กับหลายอุตสาหกรรม”
ในงาน Dell EMC Forum 2017 เดลล์ประกาศเปิดตัว Dell Canvas ที่ถือเป็นพื้นที่การทำงานใหม่ที่ได้รับการออกแบบอย่างเชี่ยวชาญเพื่อทำให้งานสร้างสรรค์ดิจิทัลเป็นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตัวเครื่องมาพร้อมจอสัมผัส (touch screen) 27” QHD ซึ่งจัดวางในแนวราบไปกับพื้นโต๊ะ และสามารถเสริมพลังได้จากระบบนิเวศปัจจุบันของพีซี และฟีเจอร์อัพเดทใหม่ของ Windows 10 Creator นอกจากนี้ ปากกาดิจิทัลยังให้การสัมผัสที่เที่ยงตรงแม่นยำ และสัญลักษณ์ที่ช่วยเมนูการทำงานที่หลากหลายและทางลัดในการทำงานผ่านสัมผัสหน้าจอ ทั้งนี้ Dell Canvas ยังรองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Dell Precision ได้มอบรากฐานเพื่อการสร้างสรรค์แนวความคิดด้านครีเอทีฟที่น่าทึ่งให้เกิดขึ้นได้จริง ขอบคุณฟีเจอร์ประสิทธิภาพสูงที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการได้อย่างเต็มที่ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้สร้างสรรค์ผลงานมืออาชีพในปัจจุบัน ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในปี 2540 ด้วยเครื่องเวิร์กสเตชั่น Dell Precision 400 เป็นต้นมา เครื่อง Dell Precision เวิร์กสเตชั่นต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในด้านเทคนิคและการสร้างสรรค์แบบมืออาชีพเพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างความสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรม
“ธุรกิจของเราคงไม่ได้ก้าวมาสู่จุดที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้หากปราศจากความทุ่มเทอย่างหนักให้กับการทำงานของทีมงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงนวัตกรรมยิ่งใหญ่จากพันธมิตรทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ พลังสร้างสรรค์ทางความคิดและผลงานสร้างสรรค์ที่น่าเหลือเชื่อจากลูกค้าทั้งหลายของเรา” เจฟฟ์ คลาร์ค ประธาน และประธานบริหาร เดลล์ ไคลอันท์ โซลูชัน ผู้ซึ่งช่วยก่อตั้งธุรกิจ Dell Precision กล่าว “เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าเราไม่เพียงเข้าไปมีส่วนกับการพัฒนาโซลูชันที่เรามอบให้มากแค่ไหน แต่รวมถึงการที่ลูกค้าเพิ่มขีดความก้าวหน้าให้กับการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร และท้ายที่สุด คือการปฏิวัติอุตสาหกรรมของพวกเขา”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลูกค้าของเดลล์ได้ผลิตผลงานสร้างสรรค์ชิ้นเยี่ยมด้วยการใช้งาน Dell Precision ซึ่งผลงานเหล่านั้นรวมไปถึง
- พิกโซมอนโด (Pixomondo) ออกแบบและพัฒนามังกรจำนวนมากใน ซีรีย์ “Game of Thrones” ของHBO
- อิเมจิเนชัน สตูดิโอ ซึ่งเป็นครีเอทิฟ เอเจนซีระดับโลก สร้างและเพิ่มพลังให้กับการเปิดตัวรถยนต์ด้วยการใช้ virtual reality เป็นครั้งแรกในการ เปิดตัวของ I-PACE ยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ตัวแรกจาก จาร์กัว แลนด์โรเวอร์
- TAIT Towers ออกแบบและเพิ่มพลังให้กับการสร้างเวที (stage production) ให้กับ The Getaway Tour สำหรับ การทัวร์ยุโรปของวงดนตรี Red Hot Chili
- ภาพยนตร์ 5 ใน 7 เรื่องที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดครั้งล่าสุดสำหรับสาขาการสร้างเทคนิคพิเศษบนภาพ (Visual Effects) ต่างขับเคลื่อนด้วย Dell Precision นอกเหนือไปจากภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์อีกหลายๆ เรื่อง อาทิ ภาพยนตร์ “สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง” เมื่อไม่นานนี้
- โซนี่ พิคเจอร์พัฒนาและเพิ่มพลังให้กับ ประสบการณ์ VR ที่ดื่มด่ำ กับการเปิดตัวของ “สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง”
ราคาและความพร้อมในการวางตลาดสำหรับ Dell Precision Tower และ Rack เวิร์คสเตชันจะประกาศให้ทราบในเดือนถัดไป
แหล่งข้อมูลเสริม:
- สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ Dell.com/PrecisionAnniversary
เดลล์
ด้วยรางวัลที่ได้รับทั้งในส่วนของเดสก์ท็อป แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์แบบ 2-in-1 เครื่องธินไคลอันท์ เครื่องเวิร์กสเตชั่นที่ทรงพลัง และดีไวซ์ที่แข็งแรงทนทาน (rugged) ที่ผลิตขึ้นเพื่อสภาพการทำงานที่พิเศษโดยเฉพาะ ตลอดจนมอนิเตอร์ โซลูชันเพื่อการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ปลายทาง และการบริการ เดลล์นำเสนอสิ่งที่คนทำงาน (workforce) ต้องการในการสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย เพื่อการทำงานและการทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ในทุกเวลา เดลล์เป็นส่วนหนึ่งของ Dell Technologies ที่ให้บริการลูกค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์ไปจนถึงองค์กรทุกขนาดใน 180 ประเทศด้วยสายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่สมบูรณ์ที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับผู้ใช้
Factsheet: Realizing 2030: The Next Era of Human Machine Partnerships
- การวิจัยโดยสถาบันเพื่ออนาคต (IFTF-Institute for the Future) พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ด้านวิชาการและด้านเทคโนโลยี 20 รายจากทั่วโลก ระบุว่า เทคโนโลยีเกิดใหม่ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) เทคโนโลยีเออาร์ (Augmented Reality) และ คลาวด์ คอมพิวติ้ง จะพลิกโฉมการใช้ชีวิตและการทำงานภายในทศวรรษหน้า
- รายงานในหัวข้อ “The Next Era of Human-Machine Partnerships” เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างมนุษย์และเครื่องกลในยุคถัดไป เกิดขึ้นเพื่อให้มุมมองเชิงลึกว่าผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร
- รายงานคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ได้แรงสนับสนุนจากความก้าวหน้าของซอฟต์แวร์ด้าน big data และพลังในการประมวลผล จะเป็นตัวเปลี่ยนโฉมชีวิตผู้คน สังคมจะเข้าสู่ปฐมบทใหม่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องกล
- มนุษย์จะมีบทบาทเป็น “ผู้ควบคุมดิจิทัล” (Digital Conductors) โดยมีเทคโนโลยีทำหน้าที่ช่วยให้ควบคุมและจัดการชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น
- งานจะวิ่งเข้าหาผู้คน การนำเทคโนโลยีจับคู่ที่ล้ำหน้าและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล จะช่วยให้องค์กรเฟ้นหาและว่าจ้างผู้ที่มีความสามารถพิเศษจากทั่วโลกที่เหมาะกับงานได้
- ในปี 2030 การพึ่งพาเทคโนโลยีของมนุษย์ จะพัฒนาไปสู่ความร่วมมืออย่างจริงจัง อันจะนำมาซึ่งทักษะ เช่นความคิดสร้างสรรค์ ความปรารถนา และกรอบความคิดของการเป็นผู้ประกอบการ ที่จะดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับความสามารถของเครื่องกลที่มาพร้อมความเร็ว ระบบออโตเมชัน และประสิทธิภาพ และจะให้ผลลัพธ์ในแง่ของผลผลิตที่จะช่วยสร้างบทบาทและโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรม
- เมื่อถึงปี 2030 ผู้ช่วยที่เป็น AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ซึ่งทำหน้าที่ได้แบบบูรณาการและให้ความช่วยเหลือได้ตรงความต้องการเฉพาะ จะช่วยงานได้มากกว่าที่ผู้ช่วยจริงๆ ทำได้ในปัจจุบัน โดยผู้ช่วยที่เป็นปัญญาประดิษฐ์นี้จะอาศัยการคาดการณ์และการดำเนินการในแบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยดูแลเรา
- เทคโนโลยีไม่จำเป็นว่าจะเข้ามาแทนที่คนทำงาน แต่กระบวนการในการหางานจะเปลี่ยนไป การทำงานจะไม่ใช่เรื่องของสถานที่แต่จะเป็นเรื่องของงานที่ต้องทำต่อๆ ไป เทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเครื่องกลจะทำให้สามารถค้นหาทักษะของแต่ละคนรวมถึงความสามารถในการแข่งขันได้ และองค์กรก็จะตามหาผู้ที่มีความสามารถพิเศษที่โดดเด่นที่สุดสำหรับงานแต่ละงาน
- จาก 85 เปอร์เซ็นเตอร์ของงานที่ประเมินในปี 2030 ยังไม่เกิดขึ้น ก้าวย่างแห่งความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นรวดเร็วจนผู้คนเรียนรู้คำว่า “ในตอนนี้” ในการใช้เทคโนโลยีใหม่เช่น AR และ VR ทั้งนี้ ความสามารถในการได้มาซึ่งความรู้ใหม่จะมีค่ามากว่าตัวความรู้เอง
เกี่ยวกับเดลล์ เทคโนโลยีส์
เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะที่มอบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญในการสร้างอนาคตดิจิทัลให้แก่องค์กรธุรกิจ ทั้งเปลี่ยนรูปแบบของไอที และให้การปกป้องข้อมูลที่ถือเป็นสินทรัพย์สำคัญ เดลล์ เทคโนโลยีส์ให้การดูแลสนับสนุนลูกค้าทุกขนาดองค์กรใน 180 ประเทศ - เริ่มตั้งแต่ 98 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่จัดอันดับใน Fortune 500 ไปจนถึงลูกค้ารายย่อย – ด้วยสายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดตั้งแต่ปลายทางสู่ส่วนกลางตลอดจนคลาวด์ เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกอบด้วยแบรนด์ต่างๆ ดังต่อไปนี้ เดลล์ เดลล์ อีเอ็มซี พิโวทอล อาร์เอสเอ ซิเคียวเวิร์คส์ เวอร์ทุสสตรีม และวีเอ็มแวร์
เกี่ยวกับสถาบันเพื่ออนาคต
สถาบันเพื่ออนาคต (IFTF -- Institute for the Future) คือองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร 501(c)(3)ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และการศึกษาที่มีประสบการณ์การคาดการณ์ล่วงหน้ามาเกือบ 50 ปี หัวใจในการทำงานของเราคือการจำแนกแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging trend) และภาวะการขาดการต่อเนื่องที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมและตลาดธุรกิจทั่วโลก งานวิจัยของเราก่อให้เกิดการมองการณ์ไกลล่วงหน้าที่จำเป็นต่อการสร้างมุมมองในเชิงลึกที่นำไปสู่การดำเนินการและขยายขอบเขตอันกว้างขวางของอนาคตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากสุขภาพและการให้บริการทางสาธารณสุขไปจนถึงเทคโนโลยี สถานทำงาน การเรียนรู้ และอัตลักษณ์ของมนุษย์ ในฐานะของสถาบันการศึกษา IFTF พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการตามมาตรฐานการใช้งานที่เป็นธรรมและตีพิมพ์เฉพาะแมตทีเรียลที่เป็นสาธารณะภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ 4.0 (the Creative Commons 4.0 International License: CC BY-NC-ND 4.0) สถาบันเพื่ออนาคต (IFTF) ตั้งอยู่ที่พาโล อัลโต มลรัฐแคลิฟอร์เนีย (www.iftf.org)
