ดีแทคประกาศผลประกอบการปี 2559 กำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาท
30 มกราคม 2560
– ดีแทครายงานผลประกอบการ ประจำปี 2559 มีรายได้และกำไรสุทธิ ตามงบการเงินรวมเท่ากับ 82.5
และ 2.1 พันล้านบาท ตามลำดับ ในปี 2559 เป็นอีกปีที่ดีแทคใช้เงินลงทุ นทางด้านโครงข่ายมากเป็นประวัติ การณ์ เพื่อขยายโครงข่าย 4G ให้ครอบคลุม รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์ในการใช้ งานโมบายล์อินเทอร์เน็ตให้ลื่ นไหล
บนโครงข่าย ดีแทค Super 4G ที่กว้างที่สุดในตลาดบนคลื่น 1800
MHz ตลอดปีที่ผ่านมาได้เพิ่ มจำนวนสถานีฐานมากกว่า 20,000 แห่ง ทำให้ครอบคลุมการใช้งาน 94% ของจำนวนประชากร และสามารถให้บริการ 4G
ครอบคลุมทุกอำเภอ ในขณะเดียวกันลูกค้ามีความพึ งพอใจในการใช้โครงข่ายคุณภาพเพิ่ มขึ้น จากผลการสำรวจความคิดเห็นที่จั ดทำโดยหน่วยงานภายนอกเป็นประจำ ในสิ้นปี 2559 มีจำนวนผู้ใช้บริการ 4G
ถึง 5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านรายในปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้ นจำนวน
24.5 ล้านราย มากกว่า 95% ได้จดทะเบียนภายใต้ดีแทคไตรเน็ต (DTN)
จากผลของการพัฒนาโครงข่าย
ข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด และแคมเปญมือถือที่ดึงดูดใจ
การขยายจำนวนร้านค้าปลีก และการเพิ่มสิทธิพิเศษของดีแทค
รีวอร์ด โปรแกรมการดูแลลูกค้า ทำให้ฐานลูกค้า
และรายได้จากระบบรายเดือนในปี 2559 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
701,000 ราย และและรายได้จากกลุ่มลูกค้ ารายเดือนเพิ่มขึ้น
10% อย่างไรก็ตามในส่วนของระบบเติ มเงิน ปี 2559 เป็นปีที่เกิดความผิดปกติขึ้ นในระบบเติมเงิน โดยมีการใช้ค่าใช้จ่ายสำหรั บการอุดหนุนค่าอุปกรณ์โทรศัพท์ มือถือในระบบเติมเงินเป็ นจำนวนที่สูงมาก นอกเหนือไปจากกระแสความนิ ยมในการเปลี่ยนจากระบบเติมเงิ นเป็นระบบรายเดือนที่เพิ่มขึ้ นอย่างต่อเนื่อง
ดีแทคมีความระมัดระวังในการใช้ จ่ายในส่วนนี้ และวางแผนที่จะสร้างเสถี ยรภาพและสร้างความมั่นใจให้กลุ่ มลูกค้าเติมเงิน โดยเน้นการสื่อสารแคมเปญการรั บรู้ในโครงข่ายที่ดีขึ้น การพัฒนาช่องทางการขายให้มี ประสิทธิภาพ การให้ข้อเสนอที่ลงลึกถึงระดั บบุคคล และการเพิ่มสิทธิพิ เศษในโปรแกรมดีแทค
รีวอร์ด
แม้ว่าจะมีการเติบโตอย่างแข็ งแกร่งในกลุ่มลูกค้ารายเดือน
แต่รายได้รวมไม่รวมค่าเชื่อมต่ อโครงข่าย (IC)
ในปี2559 ลดลง 2.3%
จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่ านมา ส่วนรายได้จากการให้บริการข้อมู ลยังคงเติบโตคิดเป็น
55% ของรายได้จากการให้บริการทั้ งหมดไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC)
เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ดีแทคมีปริมาณคลื่นรวม
50 MHz ซึ่งรวมถึงคลื่น 1800 MHz ที่มีช่วงความถี่ต่อเนื่องกว้ างที่สุด พร้อมรองรับความต้ องการจากการใช้บริการข้อมู ลของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และสามารถให้บริการไร้สายต่างๆ ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าด้ วยเทคโนโลยี
2G/3G/4G
แม้ว่ารายได้รวม จะลดลงและมีการเพิ่มระดับการอุ ดหนุนอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีส่ งผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย
ภาษีนิติบุคคล ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBIDA) ทรงตัวที่
27.9 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึ งความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ ายเป็นอย่างดี
EBITDA margin เพิ่มขึ้น 200 จุด เป็น
33.8%
ของรายได้รวม ส่วนค่าเสื่อมราคาและค่าตั ดจำหน่ายยังเพิ่มขึ้นเนื่ องจากการลงทุนพัฒนาเครือข่ายอย่ างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงปี 2559 ลดลง
65% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในไตรมาสที่
4/2559
ดีแทคได้มีการตั้งสำรองการด้ อยค่าในสินทรัพย์ จำนวน 5,185 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดขาดทุนสะสม
1,189 ล้านบาทในงบการเงินเฉพาะกิจการ การด้อยค่าในสินทรัพย์เกิ ดจากการลงทุนในระบบสัมปทาน ในขณะที่กระแสเงินสด มีการย้ายจากดีแทคสู่ ดีแทคไตรเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ได้รั บใบอนุญาตในการให้บริการโทรศั พท์เคลื่อนที่บนความถี่ 2100 MHz
จาก กสทช การด้อยค่าในสินทรัพย์เป็ นรายการที่ไม่ใช่เงินสด และไม่มีผลต่อการดำเนินธุรกิ จในภาพรวม และงบการเงินรวม อย่างไรก็ตาม ภาระขาดทุนสะสมจะถูกหักล้างกั บบัญชีกำไรสะสมที่จัดสรรแล้ว
– สำรองตามกฎหมาย และส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ เมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถื อหุ้น
เราได้ประมาณการผลการดำเนิ นงานของปี
2560
ดังนี้ (1) รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC
ยังคงเท่ากับปีที่แล้ว (2) EBITDA อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ แล้ว และ (3)
รายจ่ายด้านการลงทุนในเครือข่ ายและสินทรัพย์ต่าง ๆ (CAPEX) อยู่ในระดับ 17,000 – 20,000
ล้านบาท