ADS


Breaking News

‘AMA’ ปิดท้าย โรดโชว์ ตลท. นักลงทุนร่วมฟังข้อมูลคึกคัก

‘‘อาม่า มารีน’’ ปิดท้ายเดินสายนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนให้การตอบรับดี เข้าร่วมฟังข้อมูลจำนวนมาก
นางศรัณยา กระแสเศียร  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารของ AMA ทีมที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ ได้เดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน และแนะนำรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ของ AMA เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ให้แก่นักลงทุนจังหวัดกรุงเทพมหานคร
โดย AMA มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 215.80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 431.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 161.80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 323.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 108.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 25.02 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อลงทุนขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี รวมถึงขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน และสารเคมี เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
“การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ ก็เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจในตัวธุรกิจของ AMA รวมถึงรับทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน รายได้ และความสามารถในการทำกำไร เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นถึงข้อเท็จจริง รวมถึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเติบโตของ AMA ในอนาคต ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี” นางศรัณยากล่าว
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ (Logistic) ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ และรถ ทั้งใน และต่างประเทศ โดยในธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ บริษัทเน้นการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Product) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช (Vegetable Oil Product) เป็นหลัก เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง โดยใช้เรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี (Oil and Chemical Tanker) ที่มีน้ำหนักบรรทุกประมาณ 3,000 ถึง 13,000 เมตริกตัน เส้นทางให้บริการหลักในการขนส่งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออกส่วนในธุรกิจขนส่งทางรถ บริษัทให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและB100 โดยใช้รถบรรทุกน้ำมันที่มีปริมาณบรรทุก 45,000 ลิตร เส้นทางให้บริการหลักในการขนส่งอยู่ภายในประเทศ โดย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2559 บริษัทมีเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี จำนวน 8 ลำ มีน้ำหนักบรรทุกรวมทั้งสิ้น 46,661 เมตริกตัน และมีรถบรรทุกน้ำมัน จำนวน 95 คัน มีปริมาณการบรรทุกรวมทั้งสิ้น 4.28 ล้านลิตร 
“บริษัทฯมีความพร้อมในการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ซึ่งการเดินสายโรดโชว์จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบริษัทฯ และการนำเสนอข้อมูลต่างๆ จะทำให้นักลงทุนเข้าใจ และใช้ข้อมูลมาประกอบการพิจารณา ซึ่งหวังว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน” นายพิศาลกล่าว
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ กล่าวว่า นักลงทุนในจังหวัดกรุงเทพมหานคร มีกระแสตอบรับที่ดี โดยให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้กว่า 150 คน เนื่องจากทีมงานผู้บริหารของ AMA ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ในการเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
“นักลงทุนกรุงเทพมหานคร ให้การตอบรับที่ดีกับ AMA เนื่องจากเป็นบริษัทฯที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งหลังจากนักลงทุนได้เห็นถึงลักษณะของการประกอบธุรกิจ และจุดเด่นของ AMA รวมถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ทำให้เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในการเปิดจองซื้อหุ้นต่อไป” นางสาวพัชพรกล่าว
     ทั้งนี้ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ในปี 2556 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 426.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20.39 ล้านบาท ในปี 2557 มีรายได้รวมเท่ากับ 510.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 85.40 ล้านบาท ในปี 2558 มีรายได้รวมเท่ากับ 643.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 130.12 ล้านบาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก ปี 2559 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 677.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100.52 ล้านบาท