กว่า 100 ปี ที่ยูนิลีเวอร์มอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สู่เทรนด์ความงามยุคดิจิตัลพร้อมรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใต้แนวคิด “เพราะความงามอยู่ในตัวเราทุกคน”
ความสำเร็จของบริษัท ยูนิลีเวอร์ ในฐานะธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกนั้น ไม่ได้มาจากผู้บริหารที่สามารถคาดเดาอนาคตหรือทายใจผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ ไม่ได้มาจากนักการตลาดที่มุ่งเน้นการทำธุรกิจเพื่อเพิ่มปริมาณยอดขายและหวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว ยูนิลีเวอร์นิยามตนเองแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ว่า “เราไม่ใช่บริษัทธุรกิจด้านความงาม (Beauty Company) เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Company) ที่มีจุดประสงค์หลักในการช่วยเหลือผู้คนให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าที่สุด ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า ความสุขที่มากกว่า และสวยงามที่สุดได้อย่างแท้จริง”
ภาพหลักของงาน Unilever Personal Care
Alan Jope, President Unilever Personal Care
Dove Gallery
จากความสำเร็จของแคมเปญ โดฟ เดย์ 2015 ที่จัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง กับ “One Find Day หนึ่งวันดีๆ ที่สาวๆ จะรู้จักและรักตัวเองมากขึ้น” พร้อมกับสัปดาห์แห่งโดฟ เดย์ ทั่วโลก ชวนเด็กหญิงวัยรุ่นอายุ 11-14 ปี กว่า 650 คน เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป ที่จะช่วยปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้เด็กผู้หญิงมีความมั่นใจและเห็นคุณค่าความสวยในแบบของตนเอง ไม่เอนเอียงไปตามค่านิยมของความสวยที่สื่อต่างๆ หรือคนรอบข้าง มีความมั่นใจ ท่ามกลางสายตาชื่นชมของผู้ใหญ่ทั้งทางพี่ๆ วิทยากร พี่ๆ ยูนิลีเวอร์ และยังได้รับความสนใจจากพี่ๆ สื่อมวลชนอย่างยิ่งใหญ่เพื่อส่งกำลังใจให้น้องๆ ภูมิใจในรูปลักษณ์และรักตนเองมากขึ้น พร้อมที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ กล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมต่อไป
Sara Vaughan, VP Global Category Communications
กิจกรรม “One Find Day” ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการให้ความใส่ใจในผู้บริโภคที่ยูนิลีเวอร์ยึดถือมาตลอด ตั้งแต่ยุคที่วิลเลี่ยม เฮสเกธ ลีเวอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ยูนิลีเวอร์ในปี ค.ศ. 1884 (ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านลอร์ด ลีเวอร์) ได้สรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลผู้คนในโลกได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นสบู่ไลฟ์บอย (Lifebuoy) สบู่ต้านแบคทีเรียในตำนานของโลก ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อความเป็นอยู่และสุขอนามัยที่ดีขึ้น เพราะในยุคสมัยพระนางเจ้าวิกตอเรีย กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตจากโรคอหิวาตกโรคที่ระบาดขึ้น จากสถิติพบว่าอัตราการตายของเด็กหนึ่งๆ คน เกิดขึ้นในทุกๆ 20 วินาที ด้วยโรคท้องร่วงและปอดบวม ซึ่งการล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่นั้น นับเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง ที่สามารถป้องกันและช่วยลดอัตราการตายของเด็กๆ ได้มากกว่า 600,000 คนในแต่ละปี สบู่ไลฟ์บอยจึงช่วยรักษาชีวิตของเด็กๆ นับล้านคนทั่วโลกจากการติดเชื้ออหิวาตกโรค และการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นในยุคนั้น
วาสลีน ปิโตรเลียม เจลลี่ (Vaseline Petroleum Jelly) ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผิวแห้ง ผลิตภัณฑ์ในยุคนั้นส่วนใหญ่ให้ความชุ่มชื้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ การนำเอาปิโตรเลียม เจลลี่มาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไม่เพียงแต่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่ยังช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่แท้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งวาสลีน ปิโตรเลียม เจลลี่ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์และปลอดภัยนี้ยังสามารถช่วยสมานแผล ปลอบประโลมผิว และรักษารอยไหม้ต่างๆ นั้น สรรพคุณทางการแพทย์นี้ ทำให้วาสลีน ปิโตรเลียม เจลลี่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์อย่างมากในช่วงสงครามโลก สามารถช่วยเยียวยาผิวจากไฟไหม้ที่รุนแรง ทำให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรอดชีวิตมีอาการดีขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับตำนานของโลกมาจนถึงทุกวันนี้
จนมาถึงปัจจุบัน ยูนิลีเวอร์ยังดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญาที่เจาะลงลึกถึงความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ในกลุ่มผู้บริโภคทุกๆ คน ทุกๆ ชนชั้น ทุกๆ เพศ ทุกๆ วัย เพื่อสร้างความสุข รอยยิ้ม ความรู้สึกและทัศนคติที่ดี ต่อการดำรงชีวิต จึงทำให้บริษัท ยูนิลีเวอร์ ประสบความสำเร็จ สามารถครองใจผู้บริโภคทั่วโลก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำสำหรับผู้บริโภคทั่วไปมาอย่างยาวนาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมไม่ว่าจะเป็น Dermalogica, REN, Murad และ Kate Sommerville ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผสมผสานความหรูหราและไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน ยูนิลีเวอร์ยังก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง พร้อมมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมด้วยโครงการอันน่าทึ่งเพื่อคืนความงดงามให้กับโลกใบนี้
เทรซาเม่ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในเครือยูนิลีเวอร์
นอกจากแคมเปญ โดฟ เดย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในประเทศไทยแล้วยังมีแคมเปญอื่นๆ ที่น่าจับตามองในระดับโลก อย่าง “Make You Mark” แคมเปญจาก TRESemmé ที่สนับสนุนให้ผู้หญิงยุคใหม่มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการทำงาน เพราะเชื่อว่าการดูดีและการมีเส้นผมที่สวยงามนั้น เป็นเรื่องของผลกระทบต่อความรู้สึก ความมั่นใจต่อความก้าวหน้าในชีวิต โดยมีแคมเปญช่วยส่งเสริมบุคลิก ให้พวกเธอรู้สึกว่ามีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ด้วยการจัดหาผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงได้แสดงออกอย่างมั่นใจในสถานที่ทำงาน พร้อมออกแคมเปญ ‘Make Your Mark’ ผ่านโซเชียลมีเดีย ที่เป็นเหมือนแหล่งชุมชนให้ผู้หญิงได้สนับสนุนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
โครงการ The Healing Power of Vaseline วาสลีน ปิโตรเลี่ยม เจลลี่ ที่ได้ช่วยรักษาผิวหนังให้กับคนจำนวนมากมาตลอดระยะเวลากว่า 140 ปีที่ผ่านมา และในวันนี้ยังได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือปฐมพยาบาลสำหรับเหตุฉุกเฉิน ส่งไปยังค่ายอพยพพื้นที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ และสถานที่ที่ประสบปัญหาความยากจน ด้วยคุณประโยชน์มากมายในการสมานแผลและรอยไหม้ โครงการนี้จึงเกิดขึ้นโดยความร่วมมือของยูนิลีเวอร์กับองค์กรเอกชนที่ชื่อว่า องค์กรบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน (Direct Relief) เพื่อช่วยเหลือผู้คนหนึ่งล้านคนในปี 2015 และอีกห้าล้านคนภายในปี 2020
โครงการกิจกรรมเพื่อสังคมของสบู่ไลฟ์บอย
ไลฟ์บอยได้สานต่อความเป็นผู้นำของการดูแลสุขอนามัย จึงได้ริเริ่มให้ความรู้แก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารในแคมเปญ Killing Germs to Save Lives และเพื่อให้เห็นความสำคัญของการล้างมือที่ถูกวิธีในแต่ละช่วงวัน พร้อมด้วยการสนับสนุนให้คนมีส่วนร่วมผ่านแคมเปญ HACR5 ด้วยการเปิดโอกาสให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้ถึงประสบการณ์ดีๆ จากการแบ่งปัน การเสียสละ และคุณค่าจากการให้ด้วยการสอนให้เด็กๆ ที่ยากไร้ได้รู้จักการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกวิธี
เพราะความงดงามที่แท้จริงที่ได้มาจากการให้นั้น มีพลังมหาศาลในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ได้ แนวคิดของการมอบสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคม ในคอนเซ็ปต์ที่มีความคล้ายคลึงกับประโยคที่ว่า “ยิ่งให้ ยิ่งสวย” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพราะนอกเหนือไปจากคอนเซ็ปต์ที่ตอบโจทย์โดนใจ และประสิทธิภาพที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันแสนก้าวล้ำ อีกหนึ่งสิ่งที่ยูนิลีเวอร์มุ่งเน้น และให้ความสำคัญต่อทุกแบรนด์และผลิตภัณฑ์ทุกตัว นั่นก็คือ “คุณค่าและความงดงามที่แท้จริง” ที่ซ่อนอยู่ภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ด้วยการตั้งคำถามที่ว่า
“... ผลิตภัณฑ์นั้นสามารถช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใด? ...ผลิตภัณฑ์นั้นช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและการยอมรับตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน ? ...และผลิตภัณฑ์นั้นสามารถให้ประโยชน์อะไรคืนกลับแก่สังคมและสิ่งแวดล้อมได้บ้าง เพื่อช่วยให้โลกใบนี้สวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น”
วรพักตร์ บรรเลงจิต ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมและทันตผลิตภัณฑ์ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาจวบจนวันนี้ คำถามเหล่านี้คือโจทย์ที่ทำให้เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ให้กับสังคม ยูนิลีเวอร์โกลบอลได้เริ่มนำแผนธุรกิจเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในระยะยาวมาใช้กับหลายๆ แบรนด์ ด้วยแคมเปญเพื่อสังคมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมายเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ซึ่งในประเทศไทยก็ได้มีการนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยมากที่สุด ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างสูงสุด จึงเกิดเป็นแรงผลักดันให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในการใช้พลังงานและทรัพยากรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”
Chet Henderson, VP CMI
People are Beautiful
โดยในปี ค.ศ. 2010 ยูนิลีเวอร์ได้เริ่มนำแผนธุรกิจเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในระยะยาวมาดังกล่าวมาปรับใช้ เพราะมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอ โดยเฉพาะอุณหภูมิโลกที่เริ่มสูงขึ้น พร้อมด้วยจำนวนประชากรที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณน้ำ อาหารและวัตถุดิบเริ่มขาดแคลน ยูนิลีเวอร์เชื่อว่าธุรกิจจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และพร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ยิ่งใหญ่หาทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากขึ้นเป็นสองเท่าไปพร้อมๆ กับประสิทธิภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมด้วยในขณะเดียวกัน ด้วยวิสัยทัศน์ที่ที่มุ่งเน้นการสร้างความเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมๆ กับคุณภาพชีวิตของมนุษย์และโลกที่สวยงามขึ้น ถึงได้ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกในฐานะผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามแคมเปญที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.unilever.co.th