ADS


Breaking News

วีเอ็มแวร์ เผยผลสำรวจ องค์กรธุรกิจไทยชี้เทคโนโลยีคลาวด์ตอบโจทย์

สร้างนวัตกรรมองค์กรและเผยปัจจัยชี้วัดความสำเร็จในปี 2559  อยู่ที่ความสามารถในการขยายองค์กรและการจัดการองค์กรได้อย่างยืดหยุ่น

· ในการดำเนินธุรกิจ องค์กรธุรกิจไทยให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรไอทีในองค์กรให้คุ้มค่าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย (40%) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ป้อนออกสู่ตลาด (25%) ตามลำดับ
·องค์กรธุรกิจไทยเริ่มหันมาใช้งานคลาวด์ โดยองค์กรที่สำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่ง (51%) มองหาทางเลือกในการใช้ไฮบริดคลาวด์และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโมบิลิตี้ให้กับองค์กร 
·เทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น ได้รับความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจไทย โดย 1 ใน ขององค์กรที่สำรวจ (33%) มองว่าเทคโนโลยีนี้มีความปลอดภัยสูง

     ประเทศไทย5 พฤศจิกายน 2558 – ภายในงาน วีฟอรั่ม  ( vForum™) งานประชุมสัมมนาครั้งใหญ่สุดในรอบปีของวีเอ็มแวร์ในประเทศไทยเพื่อโชว์เคสเทคโนโลยีและโซลูชั่นล่าสุด วีเอ็มแวร์ อิงค์ (NYSE: VMW) ผู้นำด้านระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่นและโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เผยผลสำรวจกับองค์กรธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าไฮบริดคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่องค์กรธุรกิจให้ความสนใจ เพราะสามารถช่วยให้องค์กรเติบโต ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้พวกเขาสามารถสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ โดยกว่า 88% ขององค์กรธุรกิจไทยชี้ว่าคลาวด์จะเข้ามามีบทบาทในการสร้างนวัตกรรม  และองค์กรที่สำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่ง (51%) ต้องการนำเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์มาใช้เป็นโครงสร้างไอทีพื้นฐานในองค์กรในอนาคต

โดยในช่วงเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน 2558 องค์กรธุรกิจกว่า 300 องค์กร ประกอบไปด้วยผู้จัดการด้านไอทีและผู้บริหาร ได้ร่วมให้ความเห็นผ่านการวิจัยสำรวจความคิดเห็นในประเด็น ความสำคัญด้านไอทีสำหรับองค์กรธุรกิจในปี 2559 รวมถึงบทบาทของเทคโนโลยี และนวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทย

ตลาดไอทีในประเทศไทยที่โตขึ้น และความต้องการในการเพิ่มความปลอดภัยในองค์กร
องค์กรธุรกิจไทยเผยสิ่งที่องค์กรให้สำคัญเป็นสามลำดับแรกในการดำเนินธุรกิจปีหน้า ได้แก่ การใช้ทรัพยากรในองค์กรให้คุ้มค่า (40%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ป้อนออกสู่ตลาด (25%) และการทำงานอย่างมีส่วนร่วมภายใต้อีโคซิสเต็มส์ขององค์กร (31%)

ในปีหน้าองค์กรธุรกิจไทยมองว่าปัจจัยด้านไอที 3 อันดับแรก ที่ธุรกิจควรคำนึงถึง คือ การเตรียมความพร้อมของระบบเพื่อป้องกันภัยพิบัติและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (21%) เพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติการด้านไอทีในองค์กร (36%) และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับซิเคียวริตี้ขององค์กร (19%) โดยเทคโนโลยีที่จะใช้ต้องมีคุณสมบัติที่สามารถสเกลปรับขยายขนาดตามการเปลี่ยนแปลงขององค์กรได้ (25%) มีความยืดหยุ่น (28%)  และง่ายต่อการจัดการ (28%) 

33% ขององค์กรธุรกิจไทย มองว่าเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นช่วยทำให้สภาพแวดล้อมด้านไอทีขององค์กรมีความปลอดภัยสูง โดยช่วยให้องค์กร ลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาความปลอดภัยได้  องค์กรธุรกิจไทยให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรเป็นพิเศษ เพราะปัจจุบันคนในองค์กรทำงานแบบมีโมบิลิตี้มากขึ้น ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าอัตราการใช้งานเทคโนโลยีในองค์กรมีมากขึ้น โดยธุรกิจในปัจจุบันมองว่าเรื่องความปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์และบริการที่ผู้ให้บริการไอทีต้องเตรียมพร้อม เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดความเสียหาย

41% ขององค์กรธุรกิจมองว่า ค่าใช้จ่าย จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในองค์กร ในขณะที่อีก 19% มองว่าธุรกิจไทยต้องพัฒนารูปแบบการติดตั้งและจัดการบริการด้านไอทีในองค์กรให้มีการจัดการที่ง่าย รวมถึงการจัดสรรเครื่องมือด้านซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานในองค์กรให้ได้ประสิทธิภาพ

บิสสิเนส โมบิลิตี้ ในประเทศไทย
75% ขององค์กรธุรกิจไทยให้ความสำคัญกับการเพิ่มการทำงานแบบโมบิลิตี้ในองค์กร สอดคล้องกับสถิติการลงทะเบียนใช้งานอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ที่มีมากกว่า 38 ล้านราย ในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันองค์กรต่างๆ ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง การจัดการซิเคียวริตี้ของข้อมูล (45%) และการจัดการการใช้งานแอพพลิเคชั่นในองค์กร (26%) และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (26%)

ดร. ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้อำนวยการอาวุโสประจำประเทศไทยและประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท วีเอ็มแวร์  (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐได้ผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิตอลโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาการสื่อสารให้ประชาชนเชื่อมโยงและติดต่อสื่อสารได้ทั่วถึง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่จะหันมาใช้เทคโนโลยีในการปรับเปลี่ยนวิถีในการทำงาน ความเป็นอยู่ และผลักดันให้องค์กรเติบโต ธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนเป็นธุรกิจดิจิตอล ถึงเวลาแล้วที่องค์กรธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ ต้องป้อนนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดอย่างฉับไว ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์ และใช้เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพด้านโมบิลิตี้ เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลัก “Smart Thailand 2020” ของภาครัฐ ที่ต้องการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐในการสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัดและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว วีเอ็มแวร์พร้อมที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจไทยปฏิวัติรูปแบบการทำงานขององค์กรได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัย

วีเอ็มแวร์ ชี้ 5 ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จสำหรับธุรกิจในยุคดิจิตอล
เทคโนโลยีโมบายคลาวด์ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในทุกๆ ส่วน โดยจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีการทำงานของธุรกิจรวมถึงวิธีการในการสื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า จากผลการสำรวจของวีเอ็มแวร์ กับองค์กรธุรกิจในประเทศไทย ภายในงาน วีฟอรั่ม  แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์และโซลูชั่นด้านบิสสิเนส โมบิลิตี้จะเข้ามามีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจมากขึ้น ทั้งนี้ แพท เจลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอ็มแวร์ อิงค์ ได้แนะ 5 ปัจจัยที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ดังต่อไปนี้

1.สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้ได้อย่างสตาร์ทอัพ และป้อนนวัตกรรมออกสู่ตลาดอย่างเอ็นเตอร์ไพรซ์
ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดอาเซียน[1] ด้วยเทรนด์ดังกล่าวองค์กรธุรกิจในเมืองไทยจำเป็นต้องเริ่มมองหาเทคโนโลยีที่จะทำให้องค์กรทำงานได้อย่างยืดหยุ่น และทำให้สามารถสื่อสารและเชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะขยายขนาดองค์กรและสร้างนวัตกรรมได้เร็วขึ้นกว่าเดิม  ในโลกธุรกิจปัจจุบัน องค์กรสตาร์ทอัพไม่มีอะไรต้องเสียเพราะสามารถเริ่มใช้บิสสิเนสโมเดลใหม่ได้เลย ในขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ต้องหันมาใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ได้รวดเร็วอย่างสตาร์ทอัพ และป้อนนวัตกรรมออกสู่ตลาด

2.ก้าวสู่ยุคโปรเฟสชั่นแนลคลาวด์
วีเอ็มแวร์เชื่อว่าอุตสาหกรรมคลาวด์จะก้าวสู่ ยุคโปรเฟสชั่นแนลคลาวด์ ที่มีการเชื่อมต่อและการใช้งานอย่างทั่วถึง โดย    ยูนิฟายด์ไฮบริดคลาวด์ (unified hybrid cloud)จะกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับไอทีแห่งอนาคต

3.ความท้าทายด้านซิเคียวริตี้ ในการปกป้อง องค์กร แอพพลิเคชั่น และข้อมูล
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในตลาดอาเซียนที่ตลาดโมบายมีการเติบโตสูงที่สุด จากสถิติในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กมากกว่า 22 ล้านคน และใช้โมบายแอพพลิเคชั่นสำหรับความบันเทิงมากกว่า 14 ล้านคน[2]  การใช้ดีไวซ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้องค์กรอาจได้รับผลกระทบในเรื่องซิเคียวริตี้ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตขององค์กร เทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นสมารถช่วยจัดการให้การใช้งานแอพพลิเคชั่นขององค์กรและข้อมูลมีความปลอดภัย วีเอ็มแวร์ เอ็นเอ็สเอ็กซ์ (VMware NSX®) เป็นเทคโนโลยีเน็ตเวิร์กเวอร์ช่วลไลเซชั่น ที่จะช่วยให้ระบบเน็ตเวิร์ก เซิร์ฟเวอร์ แอพพลิเคชั่น และข้อมูลขององค์กร มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวด้วยราคาที่ประหยัดเป็นครึ่งหนึ่ง

4.โพรแอ็คอีฟ เทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมไอที
โลกในอนาคตจะเป็นโลกโพรแอ็คอีฟ ที่สร้างอยู่บนความชาญฉลาดของระบบออโตเมชั่น ทำให้คนสามารถคาดการณ์สิ่งต่างๆ ได้ล่วงหน้า พลังของการวิเคราะห์คาดการณ์จะช่วยเพิ่มความฉลาดในกับธุรกิจ ทำให้สามารถสร้างนวัตกรรมที่ดีขึ้นกว่าเดิมและดำเนินธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น

5.การใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจในองค์กรดัชนี S&P500 ของสหรัฐ
องค์กรขนาดใหญ่และเล็กทั่วโลกและประเทศไทยจะประสบความสำเร็จได้ เมื่อสามารถสร้างความแตกต่างและเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อส้รางความแตกต่างและสามารถแข่งขันในตลาดได้  ความเสี่ยงที่องค์กรธุรกิจในปัจจุบันต้องประสบมักจะมาจากการอยู่นิ่งเฉย องค์กรธุรกิจมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จหากนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับเปลี่ยนวิถีในการดำเนินธุรกิจในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

เพื่อสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจไทยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ วีเอ็มแวร์พร้อมเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ล่าสุด ประกอบไปด้วย  แพลตฟอร์มยูนิฟายด์ไฮบริดคลาวด์ ( unified hybrid cloud platform), วีเอ็มแวร์ อีโว่ เอ็สดีดีซี VMware EVO™ SDDC™, วีเอ็มเวอร์ช่วลแซน 6.1  VMware Virtual SAN™ 6.1 และนวัตกรรมต่างๆ สำหรับจัดการการใช้งานไอทีของพนักงานในองค์กร end-user computing innovations  เพื่อให้คนในองค์กรทำงานได้แบบมีโมบิลิตี้