ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมเปิด “ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา”
จับจองพื้นที่ศรีราชา พร้อมเผยรายงานวิจัย ชี้ ดีมานด์สูง ขณะที่ซัพพลาย ไม่ทันความต้องการ เตรียมขึ้นโครงการใหญ่ 2,500 ล้าน
ชูจุดเด่น 9 เอกลักษณ์เอาใจกลุ่มเป้าหมายหลัก พื้นที่ศรีราชา
ตอกย้ำภาพ บริษัทมหาชน และ การเป็น International Brand อย่างสมบูรณ์
ณ Drawing Room 1, โรงแรม โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ, เพลินจิต : บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดย นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จัดงานแถลงข่าวสื่อมวลชน แถลงผลประกอบการครึ่งปี 58 เติบโตสวนกระแสอีกครั้ง ยอดขายโตขึ้น 203% จากปี 57 และประกาศความพร้อมจับจองพื้นที่ตลาดคอนโดศรีราชา ทำเลดาวรุ่ง แห่งภาคตะวันออก
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนี่ยมที่มีการออกแบบโครงการเป็นเอกลักษณ์ โดยวางแผนบรรลุเป้าหมายเป็น 1 ใน 3 ผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียม ที่มียอดขายประมาณ 20,000 ล้านบาท ตามแผนระยะสั้น 5 ปี (พ.ศ. 2557 – 2561) และ แผนระยะยาว 10 ปี (พ.ศ. 2562 – 2566) เป็น 1 ใน 5 ผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย โดยมีแนวคิดในการพัฒนาโครงการ ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก คือ 1. Luxury Residence 2. Boutique Living 3. Modern Habitat 4. eCo Green Concept โดยผลประกอบการของ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงเติบโตแบบสวนกระแสอย่างต่อเนื่องในทุกปี และ ในครึ่งปีแรกของปี 2558 เติบโตสูงขึ้นกว่าครึ่งปีที่แล้วถึง 762% มียอดรับรู้รายได้รวม 1,080 ล้านบาท โดยมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 9 โครงการ มูลค่า 3,117 ล้านบาท , โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 โครงการ มูลค่า 3,610 ล้านบาท, โครงการที่อยู่ระหว่าง Pre Sales 7 โครงการ 6,955 ล้านบาท และ โครงการที่เตรียมจะเปิดตัว 5 โครงการ มูลค่า 3,370 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 17,052 ล้านบาท ในส่วนของ Back Log ในปัจจุบัน ออริจิ้น มี Back Log ไว้นับเป็นมูลค่ากว่า 5,376 ล้านบาท
โครงการ “ ไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ ” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคย่านสะพานใหม่ ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากยอดการจองซื้อโครงการล่าสุดที่สูงกว่า 90% หลังจากที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการ เพียงแค่เดือนเศษ ทั้งนี้เป็นเพราะความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าว ยังคงมีดีมานด์ความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ORI ก็ถือเป็นบริษัทฯอสังหาริมทรัพย์แห่งแรก ที่เข้าไปเจาะตลาด และเปิดการขายคอนโดฯเป็นรายแรกในย่านดังกล่าว ประกอบกับ จุดเด่นของโครงการนี้ คือ อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายหยุด (สายสีเขียว) โดยบริษัทฯ คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในเร็วๆนี้
นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับโครงการ “ ไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ ” ทำให้บริษัทฯ มีแผนที่ต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว ผ่านโครงการในตระกูล KnightsBridge โดยเตรียมเปิดโครงการ “ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา ” ในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ โดยโครงการดังกล่าว บริษัทฯ จะเน้นรูปแบบการดีไซน์ และฟังก์ชันที่เป็นไลฟ์สไตล์เฉพาะของคนญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศดังกล่าว
ออริจิ้น มั่นใจ “ศรีราชา” จะกลายเป็นเพชรเม็ดใหม่ แห่งภาคตะวันออก
นายพีระพงศ์ เปิดเผยว่า “ศรีราชา” เป็นโซนเดียวที่มีดีมานด์สูงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้กลายเป็นทำเลแห่งศักยภาพอีกหนึ่งทำเล ซึ่งศรีราชา เป็นเมืองอุตสาหกรรม และเป็นศูนย์กลางด้านลอจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน โดยศรีราชาเป็นเมืองท่าสำคัญลำดับ 16 ของโลก ที่ทำรายได้ปีละ 2 แสนล้านบาท ทำให้ศรีราชาได้กลายเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่มีรายได้มาก นอกจากนี้ ยังมีโครงการจากภาครัฐมากมาย ตั้งแต่อดีต จนถึง ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่แหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง นิคมอุตสาหกรรมเหมราช รวมถึง นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด และโครงการในอนาคต เช่น แผนการขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุต คาดว่าจะเสร็จในปี 2560 , โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – ระยอง , รถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา – ศรีราชา – แหลมฉบัง, โครงการเชื่อมรถไฟแหลมฉบัง – เมืองทวาย ล่าสุดได้เตรียมการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ฯลฯ
พร้อมทั้งผลสำรวจศักยภาพด้านคุณภาพที่พักอาศัยและความต้องการ พบว่า คุณภาพและปริมาณที่พักในศรีราชาปัจจุบัน
- ปริมาณที่พักในศรีราชายังขาดแคลน โดยเฉพะความต้องการเช่าในย่านใจกลางเมือง
- ย่านใจกลางเมือง “หาห้องว่างยากมาก และต้องรอคิวนาน ราคาแพง ช่วงเย็นรถติด”
- คอนโดมิเนียม และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ส่วนใหญ่คุณภาพยังไม่ได้มาตรฐานนัก
พร้อมทั้งข้อมูล ที่ออริจิ้นได้ทำการวิจัยตลาดร่วมกับเอเจนซี่ระดับชั้นนำของญี่ปุ่น พบว่า ศรีราชา ยังกลายเป็น ศูนย์กลางการพักอาศัยทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์, ท่าเรือแหลมฉบัง และนิคมฯโดยรอบ ในสัดส่วน 40 : 60 ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นเข้ามาพักอาศัยในศรีราชาประมาณ 15,000 คน จึงเกิดความต้องการที่พักอาศัยรองรับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจำนวนมาก นอกจากนี้ กลุ่มชาวญี่ปุ่น expat เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง เพราะวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่าให้กับเหล่าผู้บริหาร ส่งผลให้คอนโด และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ ที่ศรีราชามีอัตราการเข้าพักเกิน 90% ตลอด ในงบประมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 47,000.- บาท ต่อ เดือน ขนาดห้องพัก 30 - 40 ตรม. รวมถึงราคาที่ดินเพิ่มขึ้นตารางวาละ 3 แสนบาท คอนโดฯ ในศรีราชาจึงได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อไว้ปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง เนื่องจากเมื่อเทียบจากราคาคอนโดฯตารางเมตรละ 6 หมื่น-1.3 แสนบาท จะให้ผลตอบแทนลงทุนจากค่าเช่าเฉลี่ย ปีละมากกว่า 10%
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จึงเห็นโอกาสทางการตลาดอย่างสูง โดยนำข้อมูลดังกล่าวมาพัฒนาโครงการ และ สร้างความได้เปรียบในเชิงการตลาด ด้วยจุดแข็งที่จัดเจนในการเฟ้นหาทำเล “Virgin Area” ซึ่งออริจิ้นมักจะมา “เร็ว” กว่าผู้ประกอบการอื่นๆ ในหลายๆ ทำเล และมั่นใจว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อม เปิดเผยถึง กลยุทธ์และแผนการตลาดครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นการขยายตลาดที่พักอาศัยออกสู่พื้นที่ต่างจังหวัด ที่เป็นเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยเน้น กลยุทธ์ Blue Ocean Location Strategy กลยุทธ์การจับโลเกชั่นศักยภาพ ที่ยังเป็นตลาดสดที่มีความต้องการสูง โดยเข้าไปทำการพัฒนาเป็นรายแรก ๆ ซึ่งเป้าหมายพื้นที่ ที่ทำการพัฒนาในเฟสแรก คือ ศรีราชา จากผลสำรวจพบว่า พื้นที่แถบศรีราชา นอกเหนือจากเป็นศักยภาพด้านทำเล และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมตลอดจน คมนาคมและ สาธารณูปโภค ส่งผลให้เกิดดีมานด์อย่างสูง และเป็นโอกาสทางการตลาดของผู้พัฒนาโครงการที่เข้าไปตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว จึงได้เกิดโครงการ KnightsBridge The Ocean Sriracha ขึ้น กับ 9 เอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการ
โครงการ KnightsBridge The Ocean ศรีราชา เป็นการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม High Rise 36 ชั้น จำนวน 722 ยูนิต ที่โดดเด่นด้วย “Design” ที่เป็นจุดขาย ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก การผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออก ภายใต้แนวคิด “Elegance as Art Deco” ตัวอาคารได้นำเอาเส้นสายศิลปะในยุคสมัยของ Art Deco มาใช้ในการตกแต่ง ให้ดูเรียบหรู และทันสมัย ตัวตึกออกแบบเป็นรูปทรงบูมเมอแรง โดยพื้นที่ส่วนกลางมีการเล่นระดับหลายชั้น เพื่อวิวที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง แบ่งเป็น 3 โซน เป็น Triple Facilities คือชั้น Ground, ชั้น 4 และชั้นดาดฟ้า รวมถึงรูปแบบการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ KnightsBridge The Ocean Sriracha กับ กับ 9 เอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการ
- Onsen Jacuzzi ผ่อนคลาย...ได้ที่ห้องของคุณเอง ทุกห้อง
- Hi Speed Internet - Broadband
- Japanese Cable Channel จากประเทศญี่ปุ่น
- Japanese Multi-Functional Closet ไม่ใช่เพียงตู้เสื้อผ้าธรรมดา แต่เราคำนึงถึงทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน
- Sleep mode light Control & SOS Alarm
- Rooftop Japanese Shoin-Style Room เพิ่มความเป็นญี่ปุ่นด้วยการตกแต่งห้องพักผ่อนชั้น 35 ให้เป็นแบบ Zen ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
- Home – Made Kitchen ร้านอาหารที่เตรียมไว้บริการ ไม่ว่าจะมื้อไหนๆ ก็ฝากท้องไว้ได้
- บริการ Hotel Service
- Reception - Concierge
- House Keeper - Room Service
- Laundry Service - Shuttle Bus
- Japanese Agent Service บริการรับฝากขาย – ฝากเช่า ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีชาวญี่ปุ่นร่วมด้วย
สำหรับโครงการ KnightsBridge The Ocean Sriracha นี้ ออริจิ้น เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มผู้สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า, กลุ่มคุณญี่ปุ่นต้องการซื้อเพื่อพักอาศัย และกลุ่มคนในพื้นที่ที่ต้องการขยายครอบครัว โดยจะเริ่มเปิด Pre-Sale ในเดือนกันยายน 2558 ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท และมีการทำการตลาดโดยทำการขายผ่าน Agency เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้านักลงทุนชาวต่างชาติ Investor หรือ ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุในเมืองไทย โดยได้นำห้องชุด 25% ของโครงการไปกระจายเปิดขายในต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เพื่อเป็นการเร่งขยายสัดส่วนฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้นจากเดิม 13% เป็น 20% ซึ่งที่ผ่านมา ออริจิ้น ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติถึง 13% ของลูกค้าชาวไทยทั้งหมด โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ญี่ปุ่น 85%, สิงคโปร์ 3%, จีน 4%, ไต้หวัน 3% อเมริกา 2%
สำหรับความคืบหน้า First Day Trade นายพีระพงศ์เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายในไตรมาส 3/2558 นี้อย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ นายพีระพงศ์ กล่าวปิดท้าย
FACT SHEET - Why is Sriracha
ทำไมต้อง “ศรีราชา”
- คนญี่ปุ่นในศรีราชาปัจจุบันที่มาทำงานในศรีราชา จะพักอาศัยในคอนโดมิเนียม และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ เป็นหลัก
- งบประมาณค่าที่พักเฉลี่ย 47,628 บาท/เดือน
- ทำสัญญาเช่ารายปี ค่าเช่าประมาณ 40,000 - 45,000 บาท/เดือน
- ขนาดห้องพัก 30 - 40 ตารางเมตร และพักคนเดียว
- ค่อนข้างพึงพอใจกับที่พักปัจจุบัน 85%
- ปัจจัยหลักในการเลือกที่พักอาศัย คือ ทำเล ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก
คุณภาพและปริมาณที่พักในศรีราชาปัจจุบัน
- ปริมาณที่พักในศรีราชา ยังเห็นขาดแคลน โดยเฉพะความต้องการเช่าในย่านใจกลางเมือง
- ย่านใจกลางเมือง “หาห้องว่างยากมาก และต้องรอคิวนาน ราคาแพง ช่วงเย็นรถติด”
- คอนโดมิเนียม และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ส่วนใหญ่คุณภาพยังไม่ได้มาตรฐานนัก
การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
- วันที่ 8 ตุลาคม 2557
- มีมติเห็นชอบให้จัดตั้ง อปท. รูปแบบพิเศษ 3 เมือง
- แม่สอด จ.ตาก
- แหลมฉบัง จ.ชลบุรี
- เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
- ขั้นตอนหลังจากนี้ คือการนำร่างกฎหมาย 3 ฉบับ เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา สำหรับพื้นที่ "แหลมฉบัง" ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 และฉบับที่ 6
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 กำหนดให้พื้นที่แหลมฉบังเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก
เปิดแนวใหม่มอเตอร์เวย์ "พัทยา-มาบตาพุด" เวนคืน 2 พันไร่
ทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน เสริมโลจิสติกส์ "ชลบุรี-ระยอง"
- ปี“ 60 ช่วงชลบุรี – พัทยาฉลุย "เส้นทางนี้จะเชื่อมกับสายชลบุรี-พัทยา คาดว่าจะเสร็จในปี 2559-2560 นี้“
- ขยายช่องการจราจรเพิ่มจากถนนเดิม 4 ช่องจราจรเป็น 6 ช่องจราจรแล้ว เพื่อให้การเดินทางไปพัทยารวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งกรมใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ทั้งหมด
- ปัจจุบันปริมาณการจราจรทั้งสาย 7 (มอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่) และสาย 9 (กาญจนาภิเษก) เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80,000-100,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้น 10-15% ต่อปี คิดเป็นรายได้รวมอยู่ที่ปีละ 5,000 ล้านบาท
เชื่อมรถไฟแหลมฉบัง-ทวาย พาไทยศูนย์กลางเศรษฐกิจ
- นับตั้งแต่ ต.ค. 2557 ถึงสิ้นเม.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลพิจาณาความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมทางรถไฟระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง (ชลบุรี ) ในฝั่งไทยเข้ากับท่าเรือ น้ำลึกทวายทางฝั่งพม่า พบว่าโครงการนี้มีความเป็นได้ เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่จะช่วยยกระดับการขนส่งทางราง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ไทย
- ผลการศึกษาให้ข้อสรุปว่า การเชื่อมระบบขนส่งทางรางระหว่างประเทศเข้าด้วยกัน จะช่วยย่นระยะทางในการขนส่งสินค้าข้ามคาบสมุทร เพราะเป็นการเส้นทางการขนส่งเป็นแนวตรง และจะนำไปสู่ความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคร่วมกัน
โครงการศึกษาความเหมาะสมทางพิเศษสายบูรพาวิถี-พัทยา
- เนื่องจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีท่าเรือแหลมฉบังเป็นประตูการนำเข้า และส่งออกสินค้าหลักของประเทศ ส่งผลให้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ (ถนนสุขุมวิท) และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ (มอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี) มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มปริมาณการจราจรในอัตราที่ค่อนข้างสูงขึ้นในอนาคต
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้วางแผนการดำเนินงานในระยะเร่งด่วน เพื่อต่อขยายโครงข่ายทางพิเศษบูรพาวิถีไปยังนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งชายหาดบางแสนและเมืองพัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕