งานเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ พรรษา

Breaking News

วิศวกรโครงสร้างชี้ แผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ เสียหายหนัก เตือนไทยเสริมแกร่งอาคาร เฝ้าระวัง 16 รอยเลื่อน

แผ่นดินไหวเซบู ฟิลิปปินส์ ขนาด 6.9 สะเทือนรุนแรง ผู้เชี่ยวชาญไทยวิเคราะห์ 4 ประเด็นสำคัญ เตือนไทยเฝ้าระวังรอยเลื่อน 16 กลุ่ม

กรุงเทพฯ, 1 ตุลาคม 2568 – ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ชี้แจงถึงเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ที่เกิดขึ้นใกล้ชายฝั่งเกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่ออาคารและโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 69 รายและบาดเจ็บกว่า 150 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนประเทศไทยให้เฝ้าระวังและเสริมความแข็งแรงอาคารเพื่อรับมือกับรอยเลื่อนมีพลัง 16 กลุ่มที่อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติในอนาคต

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในทะเลวิซายัน (Visayan Sea) ใกล้เมืองโบโก (Bogo) ในจังหวัดเซบู โดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึกตื้น ทำให้แรงสั่นสะเทือนรุนแรงและแผ่กระจายรวดเร็ว ส่งผลให้อาคารหลายหลังพังถล่ม ไฟฟ้าดับ และการสัญจรติดขัด ทีมกู้ภัยฟิลิปปินส์เร่งค้นหาผู้สูญหายท่ามกลางเศษซากและฝนตกหนัก โดยประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ สั่งระดมหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ตามรายงานจากสำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) และหน่วยงานภัยพิบัติฟิลิปปินส์ (PHIVOLCS) ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากยังมีผู้ติดค้างในอาคารที่ถล่ม

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ ได้วิเคราะห์เหตุการณ์แผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ครั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นหลัก เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในเขตเสี่ยงแผ่นดินไหวเช่นกัน:

  1. ตำแหน่งในวงแหวนไฟ (Ring of Fire): ประเทศฟิลิปปินส์เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ในบริเวณ "วงแหวนไฟ" ซึ่งเป็นแนวมุดตัวระหว่างแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่น ได้แก่ แผ่นทะเลฟิลิปปินส์ แผ่นยูเรเซีย แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย และแผ่นแปซิฟิก แนวนี้ถือเป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก โดยประเทศใกล้เคียงอย่างญี่ปุ่นและไต้หวันก็เผชิญความเสี่ยงเดียวกัน
  2. แผ่นดินไหวระยะใกล้และระดับตื้น: จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกเพียง 10 กิโลเมตร จึงทำให้ความรุนแรงที่ผิวดินสูง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ใกล้เคียง
  3. ความเสียหายต่อโครงสร้างอาคาร: โครงสร้างที่พังถล่มส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าที่ทำจากอิฐหรือหินโดยไม่เสริมเหล็ก หรืออาคารคอนกรีตเสริมเหล็กเตี้ยๆ ที่เกิดปัญหาชั้นอ่อน (Soft Storey) โดยเสาชั้นล่างหัก ทำให้อาคารทรุดตัวลง
  4. ไม่มีคลื่นสึนามิรุนแรง: แม้เกิดในทะเล แต่ขนาดแผ่นดินไหวยังไม่เพียงพอที่จะก่อสึนามิขนาดใหญ่ จึงไม่มีการเตือนภัยสึนามิในครั้งนี้

เมื่อเทียบกับแผ่นดินไหวที่เกิดในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวบนบก ระยะไกล และกระทบอาคารสูงในดินอ่อนเป็นหลัก เหตุการณ์ที่เซบูมีความแตกต่างชัดเจน โดยแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ใกล้ศูนย์กลางมากกว่าและรุนแรงกว่า

สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีรอยเลื่อนมีพลังถึง 16 กลุ่ม กระจายในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ศ.ดร.อมร แนะนำให้เฝ้าระวังความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวโดยการทำให้อาคารแข็งแรง ทั้งอาคารเก่าและอาคารใหม่ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่แจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้ "แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่คาดเดายาก แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการออกแบบโครงสร้างที่ทนทานและเสริมแกร่งอาคารให้พร้อมรับมือ" ศ.ดร.อมร กล่าว

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยเตรียมความพร้อมรับมือแผ่นดินไหว โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันความสูญเสียในอนาคต