พม. จัดงาน “วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ปี 2568” เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม สานต่อพระราชปณิธาน “พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์”
พม. จัดงานวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ปี 2568 ยกย่องคนดี และองค์กรที่เสียสละเพื่อสังคม
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 — กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงาน “วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ประจำปี 2568” เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่องอาสาสมัครดีเด่นและองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น พร้อมเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ไทย
พิธีจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ณ ห้องปรินซ์แกรนด์บอลรูม ชั้น 11 อาคาร 1 โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพมหานคร โดยมี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. (รมว.พม.) กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และ ดร.วิชัย ไทยถาวร รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวรายงานผลการคัดเลือกอาสาสมัครและองค์การดีเด่น โดยมี นายกันตพงศ์ รังสีสว่าง ปลัดกระทรวง พม., อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ผู้บริหารระดับสูง, ผู้แทนภาครัฐ เอกชน และผู้ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
🕊️ ยกย่อง “ผู้เสียสละเพื่อสังคม” สานต่อแนวพระราชดำริ
นายอัครา พรหมเผ่า รมว.พม. กล่าวว่า “คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2528 กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ และต่อมาในปี 2543 ได้มีมติให้เป็นวันอาสาสมัครไทยด้วย” เพื่อเทิดพระเกียรติในฐานะผู้ทรงริเริ่มงานด้านสวัสดิการและการพัฒนาสังคมให้เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ
สำหรับปี 2568 งานจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การผนึกกำลังหุ้นส่วนในการจัดสวัสดิการสังคมเพื่อการคุ้มครองทางสังคม” ภายในงานมีพิธีมอบโล่เกียรติคุณแก่ อาสาสมัครดีเด่น 265 ราย และ องค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น 25 องค์กร เพื่อยกย่องบุคคลและหน่วยงานที่ทุ่มเทเสียสละทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม
รมว.พม. กล่าวเพิ่มเติมว่า บทบาทของอาสาสมัครมีความสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวง พม. และอีกหลายหน่วยงานทั่วประเทศ เพราะหลายภารกิจต้องอาศัยความเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ทั้งแรงกาย แรงใจ และทรัพย์สินส่วนตัว ถือเป็นแบบอย่างของการทำความดีที่ควรยกย่อง
“ประเทศไทยโชคดีที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงวางรากฐานงานสังคมสงเคราะห์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจ เราทุกคนควรน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาปรับใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างสังคมไทยที่เกื้อกูลและเข้มแข็งยิ่งขึ้น” นายอัครา กล่าว
🤝 สานพลังเครือข่ายสังคมเข้มแข็ง มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย
ด้าน นายกันตพงศ์ รังสีสว่าง ปลัดกระทรวง พม. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งทรงเป็น “พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ไทย” และเป็นโอกาสสำคัญในการรวมพลังของภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ
“ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งภัยธรรมชาติ ความยากจน การตกงานกะทันหัน และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่รวดเร็ว กระทรวง พม. จึงมุ่งยกระดับแผนพัฒนางานสวัสดิการสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม”
ปลัด พม. กล่าวย้ำว่า ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรสาธารณประโยชน์ และเครือข่ายอาสาสมัคร คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ยั่งยืน “การจัดงานในปีนี้ไม่เพียงเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ทำความดี แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการแบ่งปันและอาสาทำเพื่อส่วนรวม”
🌿 สู่สังคมแห่งการแบ่งปันและความยั่งยืน
งาน “วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย ประจำปี 2568” นับเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการตอกย้ำบทบาทของประชาชนทุกภาคส่วนในการร่วมกันพัฒนาสังคมไทยอย่างมีคุณภาพ ภายใต้แนวคิด “สังคมแห่งการให้” ที่สืบสานจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
กระทรวง พม. มุ่งมั่นสานต่อภารกิจ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ด้วยการส่งเสริมอาสาสมัครทั่วประเทศให้มีศักยภาพในการดูแลกลุ่มเปราะบางในชุมชน รวมถึงสร้างเครือข่ายสวัสดิการสังคมที่เข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนไทยสู่สังคมที่มีความเท่าเทียมและมั่นคงในอนาคต
