งานเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ พรรษา

Breaking News

ถนนยุบยักษ์หน้า รพ.วชิรพยาบาล 68: ปัจจัยเสี่ยงและ 4 แนวทางแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญ

ถนนยุบยักษ์หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล 2568: ปัจจัยเสี่ยงและ 4 แนวทางแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญ

     ในช่วงเช้าวันที่ 24 กันยายน 2568 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญกลางกรุงเทพฯ เมื่อถนนสามเสนบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลและสถานีตำรวจสามเสนทรุดตัวลงเป็นหลุมขนาดยักษ์ กว้างประมาณ 30x30 เมตร ลึกกว่า 50 เมตร สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนในพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อการจราจรหนาแน่น น้ำประปาไม่ไหลในบางชุมชน และต้องอพยพผู้คนออกจากอาคารใกล้เคียงเพื่อความปลอดภัย. เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางของโครงสร้างใต้ดินในเมืองใหญ่ที่มีชั้นดินอ่อนอย่างกรุงเทพฯ แล้วสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร? และเราจะป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำได้อย่างไร? มาดูข้อมูลครบถ้วนจากผู้เชี่ยวชาญกัน

เหตุการณ์ถนนทรุดตัว: เกิดอะไรขึ้นกลางกรุง?

     เหตุการณ์เริ่มต้นเวลา 07:00 น. ของวันที่ 24 กันยายน 2568 เมื่อถนนสามเสนทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหลุมยุบขนาดมหึมาที่กลืนกินพื้นผิวจราจรและโครงสร้างใกล้เคียง เจ้าหน้าที่และกู้ภัยต้องรีบเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบและป้องกันอุบัติเหตุเพิ่มเติม โดยเกิดดินสไลด์ต่อเนื่องและน้ำไหลทะลักเข้าไปในหลุม ทำให้ต้องปิดถนนและอพยพประชาชนในรัศมีใกล้เคียง รวมถึงโรงพยาบาลวชิรพยาบาลที่ต้องหยุดบริการบางส่วนชั่วคราว แต่ล่าสุดโรงพยาบาลยืนยันว่าอาคารปลอดภัยและเตรียมเปิดบริการผู้ป่วยนอกในวันที่ 26 กันยายนนี้.
    นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบอื่นๆ เช่น:
การจราจรติดขัดหนึบ: แยกซังฮี้และบริเวณใกล้เคียงปิดการจราจร ส่งผลให้รถติดสะสมยาวเหยียด ผู้ใช้ทางแนะนำเลี่ยงเส้นทางและใช้บริการเรือโดยสารแทน โดยกองทัพเรือจัดเรือ 3 ลำ อำนวยความสะดวกจากท่าเรือพายัพ ท่าเรือมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และท่าเรือเทเวศร์.
น้ำประปาไม่ไหล: ชุมชนใกล้เคียงอย่างสวนอ้อยได้รับผลกระทบ สำนักงานเขตดุสิตเร่งแจกน้ำและตั้งศูนย์เยียวยา.
ความเสี่ยงโครงสร้าง: สถานีตำรวจสามเสนเสี่ยงถล่ม สำนักงานเขตดุสิตสั่งห้ามใช้อาคารใกล้เคียงเพื่อป้องกันอันตราย
     เหตุการณ์นี้เชื่อมโยงกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ ซึ่งกำลังดำเนินการในพื้นที่ ทำให้เกิดคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้าง

สาเหตุหลักของหลุมยุบยักษ์: 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม

     ตามความเห็นของ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เหตุการณ์นี้ถือเป็นหลุมยุบที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดในประเทศไทย โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลัก 3 ประการ:
1. ชั้นดินอ่อน: กรุงเทพฯ มีชั้นดินอ่อนที่ลึกและเปราะบาง ทำให้โครงสร้างใต้ดินเสี่ยงทรุดตัวง่าย.
2. น้ำในดิน: ไม่ว่าจะจากธรรมชาติ ท่อน้ำรั่ว หรือฝนตกหนัก น้ำเหล่านี้ทำให้ดินเหลวและเคลื่อนตัวได้รวดเร็ว.
3. การก่อสร้างใต้ดิน: มีอุโมงค์และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดจุดอ่อนที่รอยต่อหรือผนังแตกร้าว ส่งผลให้ดินไหลทะลักเข้าไปในโครงสร้าง จนถนนด้านบนยุบตัวตาม
    ศ.ดร.อมร อธิบายเพิ่มเติมว่า การยุบตัวเกิดจากดินใต้ถนนจำนวนมหาศาลไหลเข้าโครงสร้างใต้ดินผ่านจุดอ่อน เช่น รอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานี หรือบริเวณที่ชิ้นส่วนอุโมงค์เสียหาย หากไม่มีการออกแบบและก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม พร้อมส่วนเผื่อความปลอดภัยเพียงพอ เหตุการณ์แบบนี้ก็อาจเกิดซ้ำได้ง่าย.
     นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญอย่าง ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร ยังเชื่อว่าโครงสร้างอุโมงค์ยังใช้งานได้ แต่ต้องซ่อมใหญ่เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

ความเสี่ยงที่ตามมา: ทำไมต้องรีบแก้ไข?

     หลุมยุบยักษ์ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทันที แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเนื่อง เช่น ดินรอบข้างไหลเข้ามาในหลุม ทำให้โครงสร้างข้างเคียงทรุดและแตกร้าว น้ำฝนยิ่งเร่งให้ดินเหลวมากขึ้น ส่งผลกระทบต่ออาคาร สถานีตำรวจ และแม้แต่โรงพยาบาล หากไม่จัดการทันที อาจเกิดภัยพิบัติใหญ่กว่านี้ได้.
     ล่าสุด เจ้าหน้าที่เร่งนำถุงทรายอุดช่องว่างในอุโมงค์เพื่อหยุดดินสไลด์ โดยที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมฯ ยืนยันว่าน้ำหยุดไหลตั้งแต่ตี 2 และแผนนี้ถือว่าดีที่สุดในขณะนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพโครงสร้าง.

4 ข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาจาก ศ.ดร.อมร พิมานมาศ

     เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ศ.ดร.อมร เสนอให้ทบทวนระบบการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินในชั้นดินอ่อนใหม่ทั้งหมด โดยมีข้อเสนอหลัก 4 ประการ:
1. หาสาเหตุให้ชัดเจนและเปิดเผย: จัดตั้งคณะกรรมการกลางที่มีความเป็นกลาง จากหน่วยงานวิชาการและวิชาชีพ รายงานผลสอบสวนต้องเปิดสู่สาธารณะ เพื่อให้หน่วยงานอื่นๆ แสดงความเห็นได้
2. จัดการปัญหาเร่งด่วน: แบ่งพื้นที่จัดการเป็น 3 ส่วน คือ หลุมยุบ โครงสร้างข้างเคียงที่เสียหาย และอุโมงค์กับรอยต่อที่อาจแตกร้าว ใช้ทางเลือกวิศวกรรม เช่น ซ่อมแซม เสริมกำลัง ตรวจวัดการเคลื่อนตัว และรักษาสมดุลดิน.
3. ตรวจสอบโครงการอื่นๆ: ตรวจสอบซ้ำในโครงการก่อสร้างคล้ายกันทั้งที่กำลังทำและในอนาคต เพิ่มสัดส่วนความปลอดภัยทางวิศวกรรมให้สูงขึ้น.
4. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย: จัดระบบตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินแบบเรียลไทม์ และระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อปิดจราจรหรือแจ้งเตือนประชาชนทันที.
     นอกจากนี้ ส.ส.ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ จากพรรคประชาชน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจมาตรฐานก่อสร้างทุกโครงการในกรุงเทพฯ เพื่อความมั่นใจของประชาชน.

สรุป: บทเรียนจากหลุมยุบยักษ์ที่ต้องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

     เหตุการณ์ถนนยุบหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรฐานวิศวกรรมในเมืองที่มีดินอ่อน หากนำข้อเสนอเหล่านี้ไปปฏิบัติจริง จะช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องชีวิตประชาชนได้ในระยะยาว ติดตามอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง