วช.ถกปัญหา “การส่งออกทุเรียนไทย” เกษตรกรปรับตัวสู้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ในงาน อว.แฟร์ 2025
วช. จัดเสวนา “การส่งออกทุเรียนไทย” หนุนเกษตรกรปรับตัวสู้ Climate Change สร้างเครือข่ายนักวิจัย–ผู้ประกอบการ เสริมศักยภาพสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน
วันที่ 12 สิงหาคม 2568 — สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ จัดเสวนาเชิงวิชาการหัวข้อ “การส่งออกทุเรียนไทย: การปรับตัวของเกษตรกรไทยภายใต้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง” ภายในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND ณ ห้อง MR201 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
งานนี้มีเป้าหมายเพื่อ เชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ากับภาคการเกษตร โดยเฉพาะการผลิตและส่งออกทุเรียน ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทย แต่กำลังเผชิญความท้าทายจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิต
เสวนานี้เป็นการผนึกกำลังภาครัฐ วิชาการ เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ นางสาวสุภาพร โชคเฉลิมวงศ์ ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 1 เป็นประธานเปิดการเสวนา ร่วมด้วย รศ. ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต ประธานคณะกรรมการกำกับและติดตามการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) และศูนย์กลางความรู้ (Hub of Knowledge) ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม และ รศ. ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์และความสำคัญของการเสวนา

นางสาวสุภาพร โชคเฉลิมวงศ์ กล่าวว่า ทุเรียนไทย – พืชเศรษฐกิจดาวเด่นที่ต้องเร่งปรับตัว ย้ำว่า วช. ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในภาคปฏิบัติ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน ทุเรียนไม่เพียงเป็น “ราชาผลไม้” ในด้านรสชาติ แต่ยังเป็น สินค้าส่งออกที่สร้างรายได้อันดับต้น ๆ ของประเทศ การเสวนาครั้งนี้จึงมุ่งพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการรับมือกับความผันผวนของสภาพอากาศ และความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
รองศาสตราจารย์ ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต กล่าวเสริมว่า ความสำคัญของการสร้าง Hub of Talents และ Hub of Knowledge เพื่อผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการสร้างเครือข่ายนักวิจัย ความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา รัฐ และเอกชน รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สาธารณะ สนับสนุนศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญและยกระดับคุณภาพให้ได้มาตรฐานสากล โดยในกรณีของทุเรียน มีการบูรณาการงานวิจัย ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการส่งออก อาทิ การป้องกันโรคและแมลง ด้านการจัดการคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยว การขนส่ง และการเพิ่มมูลค่าผลผลิตด้วยนวัตกรรมแปรรูป เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจฐานราก
รองศาสตราจารย์ ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ มหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังไม่มีตัวเลขความเสียหายของผลผลิตทุเรียนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่ารายได้รวมของเกษตรกรหายไปแล้วราว 25% ข้อมูลล่าสุดพบว่า ราคาทุเรียนไทยในตลาดคุนหมิง ประเทศจีน ลดลงเหลือเพียง 50 หยวน/กิโลกรัม (ประมาณ 250 บาท) จากเดิมที่เคยเกิน 100 หยวน (ราว 500 บาท) ซึ่งถือว่าต่ำมาก
รศ.ดร.พีระศักดิ์ ระบุว่า คุณภาพทุเรียนที่ลดลงในปีนี้เกิดจาก สภาพอากาศที่แปรปรวน ผลผลิตสุกแก่ไม่สม่ำเสมอ และการออกผลผิดฤดูกาล จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยศูนย์ฯ จะลงพื้นที่ทำงานร่วมกับนักวิชาการในท้องถิ่นและส่วนกลาง รวมถึงสถาบันการศึกษาและกรมวิชาการเกษตร เพื่อกำหนดโจทย์วิจัย เสนอขอทุน และจัดทำองค์ความรู้พร้อมอบรมเกษตรกรในพื้นที่ “ตอนนี้เกษตรกรหลายรายปรับตัวเอง แต่ถ้าต่างคนต่างทำ เราอาจเสียตลาดให้เพื่อนบ้านได้” รศ.ดร.พีระศักดิ์ กล่าวย้ำ
ศูนย์ฯ ได้รับการสนับสนุนทุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เพิ่มคุณภาพและมูลค่าผลไม้ไทย โดยเฉพาะ ทุเรียน ที่เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ แต่กำลังเผชิญความท้าทายจาก Climate Change ทั้งอุณหภูมิสูง ฝนตกไม่ตามฤดูกาล และความแปรปรวนทางอากาศที่กระทบต่อการออกดอกและคุณภาพผลผลิต
คำแนะนำสำหรับเกษตรกรผู้ผลิตทุเรียนส่งออก
-
ติดตามข้อมูลสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาหรือแอปพลิเคชัน เพื่อปรับการจัดการสวนในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต
-
ปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวให้เป็นไปตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตรและข้อกำหนดประเทศคู่ค้า
-
ใช้นวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุผลผลิต และพัฒนาการแปรรูปเพิ่มทางเลือกให้ตลาด
-
ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของจีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
ศูนย์ฯ ยังทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกร ผ่านการอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และให้คำปรึกษาเชิงลึก เพื่อให้ผู้ผลิตไทยรักษาความเป็นผู้นำการส่งออกทุเรียนของโลกอย่างยั่งยืน
![]() |
ผศ. ดร.ยศพล ผลาผล ผู้ช่วยคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี |
![]() |
ดร.ฉัตรกมล มุ่งพยาบาล คณะกรรมการพัฒนาและบริหารการจัดการไม้ผล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าของ “ฉัตรกมลฟาร์ม” |
![]() |
ดร.ธีรวุฒิ ชุตินันทกุล หัวหน้างานวิจัยไม้ผล สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร |
![]() |
รศ. ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ม.นเรศวร เป็นผู้ดำเนินรายการ |
การเสวนาครั้งนี้เป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มีผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาเข้าร่วม ได้แก่ ผศ. ดร.ยศพล ผลาผล ผู้ช่วยคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี, นายประสิทธิ์ ดีวัฒนวงศ์ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร, ดร.ฉัตรกมล มุ่งพยาบาล คณะกรรมการพัฒนาและบริหารการจัดการไม้ผล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าของ “ฉัตรกมลฟาร์ม”, ดร.ธีรวุฒิ ชุตินันทกุล หัวหน้างานวิจัยไม้ผล สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร และ รศ. ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ม.นเรศวร เป็นผู้ดำเนินรายการ ผู้ร่วมเสวนาได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรง ทั้งเรื่องการจัดการสวน การรับมือกับโรคและแมลง การใช้เทคโนโลยีในการติดตามคุณภาพผลผลิต ตลอดจนเทคนิคการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วงท้ายเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมซักถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างคึกคัก
วช. เชื่อมโยงงานวิจัยสู่เศรษฐกิจจริง ตั้งเป้าให้การเสวนาครั้งนี้เป็น จุดเชื่อมระหว่างนักวิจัย เกษตรกร และผู้ประกอบการ เพื่อขยายผลการใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมไปสู่การพัฒนาพืชเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนให้มีความสามารถแข่งขันในระยะยาว