โลกร้อนกระทบคนจนเมืองซ้ำซ้อน ถึงเวลาปรับนโยบายสู่เมืองที่ยั่งยืนและเป็นธรรม ที่ต้องร่วมกันออกแบบ
โลกร้อนซ้ำเติมคนจนเมือง ถึงเวลาทบทวนนโยบาย สู่เมืองที่เป็นธรรมและยั่งยืน
อ้างอิงจากบทความของ ดร.เบญจมาส โชติทอง | สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI)

วิกฤตโลกร้อนส่งผลกระทบต่อเมืองอย่างชัดเจน ทั้งจากปรากฏการณ์แบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น อุณหภูมิสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่ม และภัยแล้งยาวนาน รวมถึงเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น น้ำท่วมฉับพลัน คลื่นความร้อน และพายุรุนแรง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่เผชิญอุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียสติดต่อกันหลายวัน
สภาพแวดล้อมในเมือง—ที่เต็มไปด้วยคอนกรีต ตึกสูง และขาดพื้นที่สีเขียว—ทำให้เกิด “เกาะความร้อนในเมือง” (Urban Heat Island) ส่งผลรุนแรงต่อกลุ่มคนจนเมืองที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยง เช่น ชุมชนแออัดขาดร่มเงา ระบบระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ และใกล้แหล่งมลพิษ ทั้งยังขาดการเข้าถึงเครื่องปรับอากาศ น้ำสะอาด และบริการสาธารณสุขพื้นฐาน
นโยบายโลกร้อนที่ไม่เห็นหัวคนจนเมือง
หลายนโยบายที่ตั้งใจรับมือโลกร้อนกลับกลายเป็นการ “ปรับตัวผิดทิศ” (maladaptation) เช่น การสร้างพนังกั้นน้ำที่กันเขตเศรษฐกิจแต่ทำให้น้ำท่วมชุมชนริมคลอง การเพิ่มพื้นที่คอนกรีตหรือสร้างตึกสูงที่ขัดขวางการระบายลม และนโยบายประหยัดพลังงานที่ไม่ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อย ยิ่งซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำในเมืองและทำให้กลุ่มเปราะบางเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น
5 แนวทางนโยบายสิ่งแวดล้อม เพื่อความเป็นธรรมในเมือง
-
ฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ซับน้ำ
เพิ่มสวนสาธารณะ แก้มลิง และพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อบรรเทาน้ำท่วม และลดอุณหภูมิเมือง โดยเน้นพื้นที่ที่ชุมชนแออัดเข้าถึงได้ -
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเดินทางอย่างปลอดภัย
สร้างทางเท้ามีร่มเงา จุดพักที่หลบแดด เหมาะกับแรงงานนอกระบบ ผู้สูงอายุ และผู้สัญจรด้วยตนเองในเมืองร้อนจัด -
สนับสนุนวัสดุก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัยทนต่อโลกร้อน
ส่งเสริมแบบบ้านราคาต่ำ เช่น บ้านยกพื้น ฉนวนกันความร้อน หลังคาสะท้อนแสง เพื่อให้คนจนเมืองสามารถปรับตัวได้จริง -
คุ้มครองแรงงานกลางแจ้งจากคลื่นความร้อน
จัดพื้นที่พักร่ม จุดแจกน้ำดื่ม ปรับเวลาทำงาน และจัดระบบประกันภัยสุขภาพ เพื่อรับมือโรคที่เกิดจากความร้อน -
เปิดพื้นที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบเมือง
ฟังเสียงคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เพื่อออกแบบนโยบายที่ตรงกับบริบทจริง ลดความผิดพลาดในการปรับตัว
การรับมือกับภาวะโลกร้อนต้องเริ่มจากการเข้าใจ “ความเปราะบาง” ของคนจนเมือง ไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่ต้องเน้น “ความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ” (climate justice) สู่เมืองที่ทุกคนอยู่รอดร่วมกันได้
ขอขอบคุณ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ, สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ที่ร่วมผลักดันประเด็นนี้ให้เป็นที่สนใจในสังคม