ADS


Breaking News

วุฒิสภาเร่งดันยุทธศาสตร์ Data Center และ AI เพื่อเสริมศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลไทย สู่ระดับโลก

กมธ.ไอซีที  วุฒิสภา  เร่งผลักดันยุทธศาสตร์การลงทุน  Data  Center และส่งเสริมใช้AI  เสริมศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

     กมธ.ไอซีที วุฒิสภา จัดสัมมนาใหญ่ระดมสมอง 71 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เร่งผลักดันการลงทุน Data Center และส่งเสริมการใช้ AI พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย เพื่อลดการขาดดุลการค้าดิจิทัลที่สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี

     เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 – คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนาเรื่อง "แนวทางการใช้ประโยชน์จาก Data Center และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย" ณ อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความสำคัญของ Data Center และ AI ต่อเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

     นายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศฯ วุฒิสภา กล่าวว่า Data Center และ AI เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล จำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยที่ควรศึกษาเรื่องการใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

     "คำถามสำคัญคือ ไทยควรมีทิศทางอย่างไรในการพัฒนาศูนย์ข้อมูล จีนมีศูนย์ข้อมูลใต้น้ำ ไทยควรศึกษาว่าจะใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Cyber Security ควรได้รับการพัฒนาควบคู่กัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ" นายนิเวศกล่าว

การขาดดุลการค้าดิจิทัลของไทย 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี

     นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า ประเทศไทยเสียดุลการค้าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึงปีละ 1.2 ล้านล้านบาท หรือเดือนละกว่า 100,000 ล้านบาท (3,000 ล้านดอลลาร์) โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 ที่ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนต้องพึ่งพาบริการดิจิทัลจากต่างประเทศ

     "เราเสียดุลการค้าเดือนกว่าแสนล้าน ซึ่งยังไม่นับรวมพวกสื่อโฆษณาดิจิทัล จากเดิมที่คนไทยดูโฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์ ทีวี แต่ปัจจุบันหันไปดูยูทูป เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ติ๊กต๊อก เราเสียดุลปีละ 1.1-1.2 ล้านล้านบาท เทียบเท่าจีดีพีจากการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท แต่ก็เสียดุลซื้อบริการดิจิทัลกลับคืนต่างชาติหมด" นายสมิทธ์กล่าว

ยุทธศาสตร์การพัฒนา Data Center และ AI ของไทย

     นายสุวิทย์ ขาวดี สมาชิกวุฒิสภาจากจังหวัดสตูล ประธานคณะทำงานพิจารณาศึกษาแนวทางการใช้ประโยชน์จากดาต้าเซ็นเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ ได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลอาเซียนและ Financial hub โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่

  1. การส่งเสริมการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ผ่านมาตรการจูงใจทางภาษีและการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ
  2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อรองรับการใช้งาน AI ในภาคธุรกิจและภาครัฐ
  3. การออกนโยบายด้านการพัฒนาและใช้ AI อย่างรับผิดชอบ คำนึงถึงจริยธรรม ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  4. การพัฒนาทักษะแรงงานด้าน AI ตั้งเป้าเพิ่มบุคลากรด้าน AI ถึง 1 ล้านคน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม

     "ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ Data Center อย่างเป็นทางการ ทำให้คณะกรรมาธิการต้องเร่งศึกษาข้อมูลจากภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดทำข้อเสนอทางกฎหมายและส่งต่อไปยังรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีการหารือเรื่องค่าใช้จ่ายในการใช้ Data Center ต่างประเทศ ซึ่งยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด แต่ถือว่าเป็นจำนวนมาก จึงต้องการพัฒนา Data Center ภายในประเทศเพื่อลดต้นทุน" นายสุวิทย์กล่าว

การปรับปรุงกฎหมายและความมั่นคงทางไซเบอร์

     นายณรัณ โพธิ์พัฒนชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.  ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อเข้ากำกับดูแล และสร้างสมดุลให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผู้พัฒนาเทคโนโลยีรายใหญ่เข้ามามีอิทธิพล โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ:

  • กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • กฎหมายไซเบอร์ที่ครอบคลุมถึงผู้ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์
  • กฎหมายควบคุมการใช้ AI เพื่อปลดล็อคการใช้งาน AI ภาครัฐ

พลังงานสะอาดกับการพัฒนา Data Center

    นาวาตรี ดร.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา เสนอให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์ เพื่อนำมาใช้กับ Data Center และเทคโนโลยี AI ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนทางเทคโนโลยี

    น.ส.วิภาวดี พึ่งรัศมี เลขาอนุกรรมาธิการพลังงานทดแทน และที่ปรึกษาคณะทำงานฯ กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการ Green Data Center ที่ใช้พลังงานสะอาด ซึ่งนอกจากโซลาร์ฟาร์มและก๊าซธรรมชาติแล้ว ควรส่งเสริมการใช้พลังงานจากพืชพลังงานด้วย

     "นักลงทุนมักเน้นไปที่พลังงานจากโซล่าฟาร์มและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับมีน้อย เพราะแทบไม่ได้ใช้แรงงานเราเท่าที่ควร ทางเราอยากนำเสนอให้มีสัดส่วนไฟฟ้าจากพืชพลังงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับกลุ่มเกษตรกร สร้างรายได้อย่างมั่นคง และเป็นจุดแข็งที่จะสามารถดึงดูดผู้ประกอบการทั่วโลก" น.ส.วิภาวดีกล่าว

การสร้างบุคลากรด้าน AI และเทคโนโลยีดิจิทัล

     พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันห์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งและพื้นที่เชื่อมต่อเครือข่าย แต่มีจุดอ่อนด้านราคาพลังงานและการขาดแคลนบุคลากร โดยเฉพาะวิศวกรด้านดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อดึงดูดนักลงทุน

      นายฐนสรณ์ ใจดี ประธานคณะผู้บริหาร บริษัททรู ดิจิทัล ปาร์ค จำกัด เน้นย้ำว่า การสร้างคนต้องตอบโจทย์การมีดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย โดยเฉพาะการสร้างวิศวกรคุณภาพ ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างจริงจัง

     นายรัตนพล วงศ์นภจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสยามเอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้ความเห็นว่า ไทยมีโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ แต่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเซิร์ฟเวอร์เปลี่ยนแปลงเร็วกว่า 10 เท่าในแต่ละเดือน และควรพัฒนาควบคู่ไปกับ AI

    งานสัมมนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานจาก 71 หน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานความมั่นคง 20 หน่วยงาน, มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา 9 หน่วยงาน, สมาคม ชมรม และองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง 31 หน่วยงาน, หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมบริการ 7 หน่วยงาน และบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ 4 หน่วยงาน