รมว.อว. นำทีมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “ธนาคารปูม้า” หนุนงานวิจัยฟื้นฟูทะเลไทย สร้างความยั่งยืนให้ชุมชนประมง
รัฐมนตรี อว. นำผู้บริหารระดับสูง อว. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการ “ธนาคารปูม้า“ ภายใต้การสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมของ วช. “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ณ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี

**สุราษฎร์ธานี** – วันที่ 9 มีนาคม 2568 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำคณะผู้บริหารระดับสูง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม **โครงการธนาคารปูม้า** ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มประชากรปูม้าในแหล่งธรรมชาติ โดยมีเป้าหมาย **“คืนปูม้าสู่ทะเลไทย”** ณ **ธนาคารปูม้าชุมชนอิสลามหัวถนน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี**
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้บริหารระดับสูงของ อว. อาทิ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว., ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึง ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วยคณะผู้วิจัย ผู้บริหาร วช. และผู้นำชุมชนร่วมให้การต้อนรับ
### **ธนาคารปูม้า: ต้นแบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน**
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า **ธนาคารปูม้าเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง** ช่วยเพิ่มผลผลิตปูม้า ลดปัญหาการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน และส่งเสริมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่ชาวประมงในพื้นที่ โครงการนี้สามารถขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ **หากมีการต่อยอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ** เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญ
**"หากชุมชนประมงสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอด ไม่เพียงแต่ปูม้าเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์ทะเลเศรษฐกิจอื่นๆ ก็จะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเพิ่มรายได้ให้กับชาวประมงท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน"** รมว.อว. กล่าว
### **ขยายผลแล้วกว่า 565 แห่งทั่วประเทศ**
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.วช. กล่าวว่า **โครงการขยายผลธนาคารปูม้าเป็นตัวอย่างสำคัญของการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในระดับชุมชน** โดยขณะนี้มีการจัดตั้งธนาคารปูม้าไปแล้วกว่า **565 แห่งทั่วประเทศ** พร้อมกับการจัดตั้ง **ศูนย์การเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง** เพื่อให้ความรู้แก่ชาวประมงและเยาวชนในพื้นที่
ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจาก **ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน** โดยมีเครือข่ายสนับสนุนจาก 15 หน่วยงาน อาทิ กรมประมง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสมาคมพลังงานทดแทนเพื่อความยั่งยืน
### **ฟื้นฟูทะเลไทย สร้างเศรษฐกิจสีน้ำเงินให้ชุมชน**
ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า **โครงการธนาคารปูม้าสามารถฟื้นฟูประชากรปูม้าได้อย่างเป็นรูปธรรม** โดยปัจจุบันขยายผลไปแล้วกว่า **84 ชุมชน** ส่งเสริมการอนุรักษ์ปูม้าผ่านงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งช่วยให้ชาวประมงชายฝั่งสามารถพึ่งพาตนเองได้
โครงการนี้ยังช่วย **เพิ่มผลผลิตปูม้าในธรรมชาติ** ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปถึง **การสร้างความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงิน และการกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่ชายฝั่ง** โดยสามารถวัดผลความสำเร็จได้จาก **ปริมาณการจับปูม้าที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าการค้าขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562**
### **ก้าวต่อไป: ต่อยอดงานวิจัย สู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพ**
จากความสำเร็จของโครงการนี้ รมว.อว. ได้เน้นย้ำถึง **แนวทางในการขยายผลไปสู่การอนุรักษ์สัตว์ทะเลเศรษฐกิจอื่นๆ** เช่น กุ้ง หอย และปลาทะเล เพื่อสร้างสมดุลทางระบบนิเวศ และพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพให้เติบโตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
**“ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลผ่านงานวิจัย หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว”** รมว.อว. กล่าวทิ้งท้าย
—
### **สรุปประเด็นสำคัญ**
✅ **รมว.อว. นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการธนาคารปูม้า** ที่เกาะสมุย
✅ **โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก วช.** เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มจำนวนปูม้าในแหล่งธรรมชาติ
✅ **ขยายผลไปแล้วกว่า 565 แห่งทั่วประเทศ** และตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อให้ความรู้แก่ชุมชน
✅ **ช่วยสร้างเศรษฐกิจสีน้ำเงิน** ส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล และกระตุ้นการท่องเที่ยว
✅ **มีเป้าหมายต่อยอดไปสู่การอนุรักษ์สัตว์ทะเลเศรษฐกิจอื่นๆ** เพื่อสร้างสมดุลทางระบบนิเวศ
**"ธนาคารปูม้า" ไม่ใช่แค่การฟื้นฟูปูม้า แต่เป็นก้าวสำคัญของไทยสู่การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน**