กมธ.บุหรี่ไฟฟ้าฯ เร่งรัฐบาลแก้กฎหมายบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบปัญหาลุกลาม
กมธ. บุหรี่ไฟฟ้าฯ เร่งรัฐแก้กฎหมายบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบสร้างปัญหาสังคมกรณีพรีม มือสาดน้ำซุป และปัญหา “พอตเค” ระบาดในหมู่นักเที่ยว
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ หลังพบว่าปัญหาลุกลามเกินกว่าการเข้าถึงของเยาวชน ขยายไปสู่การลักลอบผลิต นำเข้า และจำหน่ายโดยไม่มีมาตรฐาน รวมถึงการใช้สารเสพติด เช่น "พอตเค" ที่แพร่ระบาดในหมู่นักเที่ยว เสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน
การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและอันตรายที่แฝงอยู่
นายทศพร ทองศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่าปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าหาซื้อได้ง่าย โดยเฉพาะจากเครือข่ายใต้ดินที่ลักลอบผลิตและจำหน่ายโดยไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย อีกทั้งยังพบว่ามีการลักลอบดัดแปลงบุหรี่ไฟฟ้าโดยผสมสารเสพติด เช่น เคตามีน (พอตเค) ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้ใช้
“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาการเข้าถึงของเยาวชนอีกต่อไป แต่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมอื่น ๆ เช่น การค้าเครือข่ายสินค้าผิดกฎหมายที่ระบาดในกลุ่มนักเที่ยว บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้รับการควบคุมส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน” นายทศพรกล่าว
แนวทางการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า
คณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาทางเลือกในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและเสนอ 3 แนวทาง ได้แก่:
1. ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนถูกกฎหมาย เพื่อให้รัฐสามารถกำกับดูแลมาตรฐานการผลิต ช่องทางการจำหน่าย และป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน
2. ควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย คล้ายกับการควบคุมบุหรี่ซิกาแรต ซึ่งจะช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่และปกป้องเยาวชนได้ดีกว่าการแบน
3. คงการแบนไว้ต่อไป ซึ่งต้องพิจารณาว่ามีความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยหรือไม่
นายทศพรย้ำว่า การทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายไม่ได้หมายถึงการขายเสรี แต่ต้องมีการกำกับดูแลที่ชัดเจน ทั้งมาตรฐานการผลิต การจำหน่าย และการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน อีกทั้งยังช่วยให้รัฐสามารถเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้
แนวทางการควบคุมในต่างประเทศ
จากการศึกษามาตรการในต่างประเทศ พบว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป มีแนวทางควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นมาตรฐานสากล โดยในสหรัฐฯ การขายบุหรี่ไฟฟ้าต้องได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (FDA) และมีแผนป้องกันเยาวชนเข้าถึง ขณะที่ในอังกฤษ บุหรี่ไฟฟ้าถูกควบคุมผ่านร้านขายยาและโรงพยาบาลเพื่อช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่
นายทศพรกล่าวว่า “รัฐบาลไทยควรใช้แนวทางเดียวกันกับกฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มครองผู้บริโภค และป้องกันปัญหาการลักลอบจำหน่าย”
สรุปแนวทางของคณะกรรมาธิการฯ
ปัจจุบัน รายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ได้เสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยนายทศพรเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสังคม และปกป้องเยาวชนไทยจากอันตรายที่แฝงอยู่