ADS


Breaking News

วช. ผนึก HTAPC ใช้ความรู้และนวัตกรรมรับมือมลพิษฝุ่น PM2.5 ผลักดันการแก้ไขปัญหาเพื่อสุขภาพประชาชน

วช. ร่วมกับ HTAPC นำชุดความรู้ด้านผลกระทบสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 รับมือกับมลพิษทางอากาศ ด้วยวิจัยและนวัตกรรม

     8 มกราคม 2568 – สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดเสวนาเชิงวิชาการเรื่อง “รู้ทันผลกระทบสุขภาพจากฝุ่น PM2.5” ร่วมกับศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (HTAPC) โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงาน ณ ศูนย์สารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาคาร วช. 8  

การสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเชิงรุกเพื่อแก้ปัญหา PM2.5

     ดร.วิภารัตน์ ระบุว่า วช. มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยที่ผ่านมา วช. ได้สนับสนุนโครงการวิจัยที่มุ่งเน้นการลดการปลดปล่อย PM2.5 จากแหล่งกำเนิด และลดจำนวนวันที่ปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน  
     นอกจากนี้ วช. ยังร่วมมือกับเครือข่ายนักวิจัย สถาบันวิจัย และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อผลักดันผลวิจัยและนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่เป้าหมาย พร้อมกับต่อยอดและขยายผลการใช้ประโยชน์สู่ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ศูนย์ HTAPC เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge) และพัฒนากำลังคนระดับสูง (Hub of Talent) ในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ

เสวนาสร้างความตระหนักรู้ต่อสุขภาพจาก PM2.5

    งานเสวนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 และมาตรการเฝ้าระวัง โดยหัวข้อสำคัญประกอบด้วย:
     1. สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย
   โดย ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์ HTAPC  
ิ    2. ผลกระทบสุขภาพจากฝุ่น PM2.5
   โดย รศ. ดร.นพ.บุญรัตน์ ทัศนีย์ไตรเทพ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล  
     3. ผลกระทบฝุ่น PM2.5 ต่อกลุ่มเด็ก
   โดย อ. พญ.รัชนีวรรณ สินิทธ์กุล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี  
     4. มาตรการรับมือผลกระทบสุขภาพ
   โดย น.ส.นัยนา ใช้เทียมวงศ์ ผู้อำนวยการกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย

เป้าหมายและความสำเร็จ

    การเสวนาครั้งนี้มุ่งเน้นการเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง พร้อมส่งเสริมมาตรการลดผลกระทบผ่านการวิจัย การนำนวัตกรรมมาใช้ และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาฝุ่น PM2.5 ในระยะยาว