ADS


Breaking News

หมอนิยม-หมอทศพร เผย 3 แนวทางจัดการบุหรี่ไฟฟ้า เน้นปกป้องเยาวชน สร้างสมดุลสุขภาพและเศรษฐกิจ

หมอนิยม-หมอทศพร เปิดบทสรุป 3 แนวทางจัดการบุหรี่ไฟฟ้า: เน้นปกป้องเยาวชน ชูแนวทางแก้ปัญหาครอบคลุมทุกมิติ

     คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เสนอ 3 แนวทางแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องเยาวชน พัฒนากฎหมายที่ครอบคลุม และสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ
     กรุงเทพฯ – นพ. นิยม วิวรรธนดิฐกุล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เปิดเผยผลการศึกษาครอบคลุมทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักในการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่ระบาดในประเทศไทย พร้อมเสนอ 3 แนวทางสำคัญที่รัฐบาลสามารถนำไปพิจารณาเพื่อแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ  

เป้าหมายการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ

     นพ. นิยม ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ มีภารกิจในการศึกษาและพัฒนากฎหมาย รวมถึงมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมาะสม โดยเฉพาะในด้านการปกป้องเยาวชนที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า  
     “เรามุ่งเน้นการศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อให้คำแนะนำที่ครอบคลุมแก่รัฐบาลในการตัดสินใจนโยบายที่ตอบโจทย์สังคมไทย” นพ. นิยม กล่าว

บทสรุป 3 แนวทางการจัดการบุหรี่ไฟฟ้า

     คณะกรรมาธิการฯ เสนอ 3 แนวทางหลัก ได้แก่:  
     1. การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ (Total Ban)
   - รักษาการแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ พร้อมปรับปรุงกฎหมายให้มีความเข้มข้นขึ้น เช่น การป้องกันการลักลอบ  
   - เน้นลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในระยะยาว  
     2. การอนุญาตเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products)
   - อนุญาตผลิตภัณฑ์ Heated Tobacco Products (HTPs) ภายใต้การควบคุมกฎหมาย  
   - ลดสารพิษจากการเผาไหม้ในบุหรี่ทั่วไป และป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน  
     3. การทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย (Full Legalization)  
   - เปิดโอกาสให้นำบุหรี่ไฟฟ้าทุกประเภทเข้าสู่ระบบกฎหมาย  
   - เพิ่มมาตรการควบคุม เช่น จำกัดการขายในกลุ่มผู้ใหญ่ และห้ามการออกแบบที่ดึงดูดเยาวชน  

ข้อดีและข้อเสียของแต่ละแนวทาง

     การแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ
     - ข้อดี: ลดผลกระทบด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุข  
     - ข้อเสีย: อาจเกิดตลาดมืดและปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย  
     การอนุญาตเฉพาะผลิตภัณฑ์แบบให้ความร้อน
     - ข้อดี: ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและเพิ่มรายได้จากภาษี  
     - ข้อเสีย: ยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพและต้องพัฒนากฎหมายเพิ่มเติม  
     การทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย
     - ข้อดี: ลดการลักลอบ ควบคุมการใช้งานได้ดี และเพิ่มรายได้จากภาษี  
     - ข้อเสีย: อาจเพิ่มการเข้าถึงในกลุ่มเยาวชน  

ความคิดเห็นจากกรรมาธิการฯ

     นพ. นิยม ย้ำว่า คณะกรรมาธิการฯ มุ่งเสนอแนวทางที่ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจโดยคำนึงถึงสุขภาพและอนาคตของเยาวชนเป็นหลัก  
     นพ. ทศพร ทองศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ ให้ความเห็นว่า “หากต้องควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ผมเห็นว่าแนวทางการอนุญาตเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น HTPs จะเหมาะสมที่สุด เพราะช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพและให้เสรีภาพแก่ผู้บริโภค”  

กระบวนการต่อไป

     รายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ได้ถูกส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร หากได้รับการอนุมัติ รัฐบาลจะต้องพิจารณาเลือกแนวทางที่เหมาะสม พร้อมร่างกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในอนาคต