สภาทนายความเร่งจัดการคดีมรรยาทและดำเนินคดีทนายความหิวแสง แก้ปัญหาคดีค้างสะสม
สภาทนายความเร่งเคลียร์คดีมรรยาททนายความ และดำเนินคดีทนายความหิวแสง ป้องกันคดีคั่งค้าง
การประชุมคณะกรรมการมรรยาททนายความเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สภาทนายความได้เพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาคดีทนายความที่ฝ่าฝืนจรรยาบรรณ โดยเฉพาะกรณีทนายความหิวแสงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ ผ่านการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการโปรโมตตนเอง จนทำให้เกิดภาพลบต่อวิชาชีพทนายความ โดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มขึ้นถึง 95 คดี ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติการณ์
ปัญหาคดีค้างค้างและแนวทางการจัดการ
ตั้งแต่ประธานกรรมการมรรยาททนายความคนปัจจุบันเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่ามีคดีค้างค้างจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้วิธีการเชิงรุกในการเร่งดำเนินคดีและเคลียร์งานที่ค้างอยู่ โดยหนึ่งในวิธีการที่ใช้ คือการจัดอบรมคณะกรรมการสอบสวนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการทำคดี นอกจากนี้ยังใช้วิธีเร่งรัดการพิจารณาคดี โดยเรียกประชุมคณะกรรมการมรรยาททนายความอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการประชุมพิจารณาคดีเป็นเดือนละ 2 ครั้ง
แนวทางการพัฒนาการทำงานและการส่งเสริมคุณภาพงานสอบสวน
เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินคดีมรรยาท ประธานกรรมการมรรยาททนายความได้จัดให้มีการอบรมสัมมนาคณะกรรมการสอบสวนใน 4 ภาคทั่วประเทศ (ภาค 7, ภาค 5, ภาค 3 และภาค 4) โดยมุ่งหวังจะครอบคลุมครบทั้ง 9 ภาคและส่วนกลางภายในเดือนมีนาคม 2568 ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมคณะกรรมการสอบสวนให้สามารถรับมือกับปริมาณงานได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาพฤติกรรมทนายความที่มีปัญหาด้านจรรยาบรรณ เพื่อให้คำแนะนำและขอให้ทนายความหิวแสงที่กระทำผิดยุติพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
การสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรการทำงาน
ในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสอบสวนซึ่งเป็นงานอาสา ทางสภาทนายความได้จัดงบสนับสนุนค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงบประมาณจากรัฐมีข้อจำกัด ประธานกรรมการมรรยาททนายความคนปัจจุบันได้ใช้เงินส่วนตัวในการซื้ออุปกรณ์สำนักงาน เช่น รถเข็นเอกสาร ตู้เก็บเอกสารเหล็ก และโทรศัพท์มือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานและเร่งรัดให้การดำเนินคดีเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น
ความท้าทายและความสำเร็จในการดำเนินคดีทนายความหิวแสง
ในการดำเนินคดีทนายความหิวแสง คณะกรรมการมรรยาททนายความได้เรียกตัวทนายความที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเข้าชี้แจง และในกรณีที่ทนายความไม่ให้ความร่วมมือ จะมีการดำเนินคดีทางจรรยาบรรณตามขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถดำเนินคดีทนายความหิวแสงหลายราย โดยประธานกรรมการมรรยาททนายความยืนยันที่จะใช้ทุกวิธีการที่กฎหมายกำหนด เพื่อรักษามาตรฐานและความน่าเชื่อถือของวิชาชีพทนายความ
การเปลี่ยนแปลงเชิงรุกนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสภาทนายความในการเคลียร์คดีที่ค้าง และสร้างมาตรฐานการทำงานที่เข้มแข็งต่อไป