บุหรี่เถื่อนระบาดหนัก กระทบร้านโชห่วย วอนนายกฯ แพทองธาร ปราบปรามเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
“บุหรี่เถื่อน” ขยายวงกว้างแม้โทษสูง ทำโชห่วยทรุดหนัก
ร้อง “นายกฯ แพทองธาร” สั่งปราบหนัก กระตุ้นเศรษฐกิจร้านค้ารายย่อย
สมาคมการค้ายาสูบไทยเผยร้านโชห่วยเดือดร้อนหนัก หลังบุหรี่เถื่อนเติบโตก้าวกระโดด กระทบเศรษฐกิจฐานราก 5 แสนร้านค้า โดยเฉพาะกรุงเทพและภาคใต้ เตรียมยื่นหนังสือร้องนายกฯ แพทองธาร คุมเข้มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงหลังพบสินค้าผ่านแดนวกกลับเข้าประเทศ ด้านเจ้าของโชห่วย โอดค้าขายลำบากเพราะเศรษฐกิจแย่ บุหรี่ถูกกฎหมายขายไม่ออก ยอมรับผวาถูกหลอกขายบุหรี่เถื่อนและอาจโดนคดีเสียค่าปรับ
น.ส.ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า “แม้ว่าหน่วยงานรัฐ เช่น กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และทหารบก ทหารเรือจะเร่งปราบปราบบุหรี่เถื่อนอย่างเต็มที่ แต่ปัญหายังคงรุนแรง ไม่เฉพาะแค่ขายกันตามร้านค้าไม่มีใบอนุญาต ตลาดนัด ตลาดกลางคืน แต่ยังมีร้านค้าออนไลน์ด้วย ลามจากภาคใต้มาถึงหัวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เครือข่ายบุหรี่เถื่อนเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยการส่งสินค้าแบบ door-to-door ผ่านระบบดิลิเวอรี่ ส่งผลให้ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาอัตราการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงถึง 73 เท่า แตะ 36.5% ของการบริโภคทั้งหมด ร้านค้าบุหรี่ที่ถูกกฎหมายทั่วประเทศประมาณ 5 แสนร้านค้ายอดขายบุหรี่ลดลง 20-80% จึงเตรียมยื่นหนังสือให้ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจรังในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนและจัดการปัญหาที่ต้นทางที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการใช้ช่องทางสินค้าผ่านแดน และการลักลอบตามชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน”
น.ส. สุณิชา (นามสมมุติ) เจ้าของร้านค้าปลีก จ. ปทุมธานี เผย “ยอดขายบุหรี่ต่อวันประมาณ 20-30% ของรายได้รวม แต่พอลูกค้าไม่เข้ามาซื้อบุหรี่ ก็ขายของอย่างอื่นได้น้อยลงไปด้วยทำให้รายได้รวมของร้านค้าลดลง รายได้จากการขายบุหรี่อย่างเดียวหายไปเดือนละพันกว่าบาท ทุกวันนี้ขายบุหรี่ได้สัปดาห์ละ 10-20 ซอง ลดลงจากที่เคยขายได้สัปดาห์ละ 70 ซอง แต่ก็ยังเห็นลูกค้าเก่าละแวกนี้ยังคงสูบบุหรี่อยู่ เพราะเปลี่ยนไปซื้อร้านอื่นที่ราคาถูกกว่าแทน อยากให้ “นายกอิ้งค์” จัดการกับร้านที่ขายของเถื่อนอย่างจริงจัง ร้านค้ารายเล็กๆ จะได้ทำมาค้าขายได้คล่องขึ้น ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่รัฐบาลประกาศไว้”
น.ส. ธัญญศรัณ ยังเผยอีกว่า ระหว่างการลงพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อพูดคุยกับสมาชิกฯ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีบุคคลแปลกหน้ามาเร่ขายบุหรี่ยี่ห้อแปลกๆ ตนจึงทราบทันทีว่าเป็นบุหรี่เถื่อน และยอมรับว่าบุหรี่ปลอมที่ลอกเลียนแบบตราสินค้าของผลิตภัณฑ์ที่มีในประเทศ และบุหรี่ต่างประเทศดูยากมาก แม้กระทั่งแสตมป์ภาษีสรรพสามิตยังปลอม จนร้านค้าหลายรายหวาดกลัวว่าจะตกเป็นเหยื่อด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และอาจมีความผิดถูกจับถูกปรับถึง 10-15 เท่าได้
ด้านนายธานินทร์ (นามสมมุติ) เจ้าของร้านค้าปลีก จ. นนทบุรี กล่าวว่า “ปกติจะซื้อจากเซลล์ของบริษัทตลอด แต่ก็เคยมีคนเอาบุหรี่มาเร่ขายบ้าง แต่ไม่กล้ารับไว้ เพราะรู้สึกกลัว ไม่มั่นใจว่าจะเป็นของบุหรี่ถูกกฎหมายหรือเปล่า หากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเจอ ก็จะมีความผิดอีก ทุกวันนี้หาเงินก็ยากเอาไปขึ้นโรงขึ้นศาลก็ไม่คุ้ม”
ด้าน น.ส. พัชรา (นามสมมุติ) เจ้าของร้านโชห่วยอีกรายในพื้นที่เดียวกันให้ข้อมูลว่า “มีลูกค้าวัยรุ่นมาถามหาบุหรี่ซองละ 30 บาทอยู่เป็นประจำ พอเราไม่มีขายให้ ลูกค้าก็บอกว่าเปลี่ยนไปสั่งออนไลน์แทน มีของมาส่งถึงบ้านเลย ส่วนตัวกลัวว่าเด็กจะซื้อบุหรี่ได้ง่าย อยากฝากให้ภาครัฐจัดการพวกเว็บไซต์ขายของเถื่อนพวกนี้ด้วย”
“เราดีใจที่นายกฯ แพรทองธารประกาศจะแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวบ้าน ปราบปรามเศรษฐกิจใต้ดินเพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ซึ่งเป็นความหวังของร้านค้า เรื่องปราบของเถื่อน-ของปลอม น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก ขอให้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ บังคับใช้กฎหมายให้ดี ปราบให้หนักตั้งแต่ต้นทาง ลงโทษให้ชัด ปิดช่องโหว่เรื่องศุลกากรและสินค้าผ่านแดนไม่ให้เกิดการกระทำผิดได้ ร้านค้าอย่างเราก็จะได้มีรายได้ มีกินมีใช้เพิ่มขึ้น” น.ส. ธัญญศรัณ กล่าวทิ้งท้าย