สภาทนายความ จับมือ กปว. แถลงความคืบหน้าในการช่วยเหลือและขอรับชำระหนี้ จากกรณีสินมั่นคงประกันภัย
สภาทนายความร่วมกับกองทุนประกันวินาศ (กปว.) แถลงข่าว ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือฯ และขอรับชำระหนี้ของสินมั่นคงประกันภัย
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. ณ ห้องบอลรูม โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับกองทุนประกันวินาศภัย แถลงข่าว ความคืบหน้าการชำระบัญชีและเตรียมการให้ประชาชนยื่นคำขอรับชำระหนี้ของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. ดร.วิเชียร รุจิธำรงกุล กรรมการมรรยาททนายความ นายอำนาจ มาตรง ที่ปรึกษาสภาทนายความ กรณี โควิด-19 ร่วมแถลงข่าว และนายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความกับตัวแทนผู้เสียหายฯ เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
ด้าน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำสัญญาประกันภัยโควิด -19 (เจอ จ่าย จบ) ได้มีหนังสือลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ขอให้สภาทนายความจัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ต่อมาสภาทนายความได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) ผู้แทนผู้ได้รับความเสียหาย เพื่อเชิญเข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการช่วยเหลือ วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30 น. ที่สภาทนายความ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุม เพื่อหาแนวทาง ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำสัญญาประกันภัยโควิด และระบบความเชื่อมั่นของประชาชน สังคมต่อระบบประกันภัย อีกทั้งหนี้ที่เกิดจากสัญญาประกันภัยโควิดนี้ ถือว่า เป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมาย และอาจกระทบถึงความมั่นคงระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ในฐานะองค์กรวิชาชีพกฎหมายและเป็นหลักหนี่งในกระบวนการยุติธรรมยินดีทำหน้าที่เป็นตัวกลางและเดินเคียงประชาชนผู้เสียหายประมาณ 4 00,000 ราย ซึ่งเชื่อว่าจะจบได้ด้วยการเจรจาและมีแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาโดยสถานการณ์จะคลี่คลายได้ ภายใน 2 ปีนี้