ADS


Breaking News

ค่าฝุ่นพุ่ง! วช. หารือตั้งรับ “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพ และการแก้ไข ด้วยวิจัยและนวัตกรรม”

ค่าฝุ่นพุ่ง! วช. จัดเสวนาตั้งรับ “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพ และการแก้ไข ด้วยวิจัยและนวัตกรรม”

     วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการเสวนา เรื่อง “รู้ทันฝุ่น เพื่อสุขภาพ ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” โดย ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (Hub of Talents on Air Pollution and Climate – HTAPC) ร่วมกับ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (Hub of Environmental Health) ภายใต้โครงการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ณ ห้องโถงศูนย์สารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ชั้น 1 อาคาร วช. 8

     ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า เนื่องด้วยปัจจุบันปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยมีปริมาณฝุ่นสะสมอยู่ในพื้นที่กรุงเทพปริมาณมาก ทำให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 จากรายงานบนเว็บไซต์ Air4Thai กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ทันต่อเหตุการณ์ตามหลักวิชาการให้กับประชาคมวิจัยและประชาชนทั่วไป วช. ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมตามแผนงานสำคัญของประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5” จึงได้กำหนดกรอบวิจัยและนวัตกรรมเป็น 5 กรอบการวิจัย ดังนี้ (1) การพยากรณ์/คาดการณ์ปริมาณ PM2.5 (2) การลด PM2.5 จากแหล่งกำเนิด (3) การบรรเทาปัญหา PM2.5 ทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและสุขภาพอนามัย (4) การสร้างความรับรู้ของประชาชน และ (5) การบริหารจัดการ PM2.5 มาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ และนำไปสู่การริเริ่มก่อตั้ง ศูนย์กลางกำลังคนระดับสูง (Hub of Talent) และ ศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge) โดยประเด็นเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และมลพิษทางอากาศ เกิดเป็น “ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ” ภายใต้โครงการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) ซึ่งศูนย์มีบทบาทหน้าที่ในการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายของผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในระดับประเทศและในระดับนานาชาติที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์และวิทยาการสาขาต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทั้งในระดับประเทศ วช. พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประชาชนรู้ทันฝุ่น PM2.5 ด้วยวิจัยและนวัตกรรม ได้อย่างทันท่วงทีเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน

     สำหรับการเสวนาวิชาการมีประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ประเด็นหัวข้อ “ที่มาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5” โดย รศ. ดร.เอกบดินทร์ วินิจกุล จาก สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology: AIT) ประเด็นหัวข้อ “ผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ต่อสุขภาพ” โดย รศ.ดร.นพ.บุญรัตน์ ทัศนีย์ไตรเทพ จาก มหาวิทยาลัยมหิดล และประเด็นหัวข้อ “วิธีแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5” โดย ดร.สุพัฒน์ หวังวงค์วัฒนาผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (Hub of Talents on Air Pollution and Climate – HTAPC)

     ถัดมา กิจกรรมการเสวนา “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพ และแก้ไข ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ผู้ทรงวุฒิผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 ว่า ฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งฝุ่นควันที่เกิดจากอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคต่าง ๆ ที่ต้องมีการปล่อยควันในกระบวนการผลิต ควันจากการเผาไหม้ในกิจกรรมในครัวเรือน เช่น การประกอบอาหาร การจุดธูปเทียน หรือแม้แต่ควันจากการสูบบุหรี่ ซึ่งมีโอกาสเกิดการเผาไหม้ ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดฝุ่น PM 2.5 โดยงานวิจัยและนวัตกรรมจะสามารถเข้ามามีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ซึ่งศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ และศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จะเป็นแหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับฝุ่นที่ประชาชนเข้าถึงได้

     ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า PM2.5 ฝุ่นละอองเล็กจิ๋ว ส่งผลเสียต่อสุขภาพมหาศาล หลายประเทศทั่วโลกต้องเผชิญปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศ ด้วยประชากรหนาแน่น ความคับคั่งของการจราจร รวมถึงเขม่าควัน และฝุ่นผงจากการก่อสร้าง การเผาไหม้ ซึ่งเสวนาวิชาการในครั้งนี้จะนำไปสู่การเตรียมความพร้อมการร่วมมือกันจากหลายภาคส่วนในการจัดการกับปัญหาฝุ่นละอองรู้เท่าทันฝุ่น PM2.5  ด้วยวิจัยและนวัตกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป