เกษตรกรปลื้ม!! สินค้าเกษตร ขยับราคาขึ้น ตอบโจทย์นโยบายกระทรวงเกษตรฯ หลังปราบสินค้าเถื่อน
เกษตรกรเฮ !! สินค้าเกษตร ขยับราคาขึ้น สอดรับนโยบายกระทรวงเกษตรฯ หลังปราบสินค้าเถื่อน
นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกร ตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ภายใต้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยฯ ทั้งสองท่าน และการบริหารราชการในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย (สินค้าเถื่อน) อย่างเข้มงวด การเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการจัดการน้ำช่วงวิกฤติภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง รวมไปถึงการมุ่งยกระดับสินค้าเกษตร ซึ่งผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว สับปะรด น้ำนมดิบ และสุกร มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ สุกร ราคาขยับขึ้นกิโลกรัมละ 4 บาท หลังจากปราบปราบหมูเถื่อนอย่างจริงจัง ตลอดจนการตรวจค้นห้องเย็นทั่วประเทศมากกว่า 2 พันแห่ง ขณะที่ ยางพารา ราคายางแผ่นดิบ ปัจจุบัน (28 มกราคม 2567) เฉลี่ยอยู่ที่ 54.89 บาท/กก. สูงขึ้นจากราคา ณ เดือน กันยายน 2566 ที่ราคาเฉลี่ย 45.51 บาท/กก. โดยราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนโยบายจากภาครัฐในการปราบปรามและตรวจสอบการลักลอบการนำเข้ายางพาราและสินค้าเกษตรผิดกฎหมายไม่ให้ทะลักเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน และยังเป็นผลจากมาตรการการสนับสนุนการใช้ยางพาราในประเทศ รวมทั้งจากความต้องการของตลาด ภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ เป็นต้น ส่วนน้ำนมดิบ ปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ 20.21 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ราคา 19.65 บาท/กก. เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ ได้มีประกาศฯ ปรับเพิ่มราคากลางรับซื้อน้ำนมโค ณ ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะยังคงขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกด้านตามนโยบายและแผนที่วางไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรและราคาสินค้าเกษตร แก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องเกษตรกร ให้กินดีอยู่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดี ภาคการเกษตรเติบโต มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงต่อไป