ปิดฉากยิ่งใหญ่ ‘มวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์ เฟสติวัล’ เกินคาด ‘บัวขาว-ซุปเปอร์บอน’ นำจุดเทียนรำลึกในหลวง ร.9
ปิดฉากศึก ‘มวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์ เฟสติวัล’ ประทับใจ ‘บัวขาว-ซุปเปอร์บอน’ นำจุดเทียนรำลึกในหลวง ร.9
ศึก “มวยไทย ซอฟท์ เพาเวอร์ เฟสติวัล” ปิดฉากสุดประทับใจ “บัวขาว-ซุปเปอร์บอน” นำจุดเทียนรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวง รัชกาลที่ 9 ปลื้มพลัง ซอฟท์ เพาเวอร์ ปลุกกระแสแฟนมวยไทยล้นหลาม แห่เข้าร่วมงานที่ไอคอนสยาม
การแข่งขัน “มวยไทย ซอฟท์ เพาเวอร์ เฟสติวัล” ภายใต้โครงการ “มหกรรมมวยไทยน้อมใจภักดิ์มหาราชา” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้มีพิธีปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ที่ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ โดยมี ดร.วนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี
พร้อมด้วย มร.สเตฟาน ฟ็อกซ์ เลขาธิการสหพันธ์สมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ (IFMA), ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ (IFMA) และนายกสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ, นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย, ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) รวมทั้งคณะทูตานุทูต และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน ท่ามกลางแฟนมวยไทยชาวไทย และชาวต่างที่แห่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม คีตะมวยไทย และมวยโบราณ รวมทั้งการแสดงชุด MUAYTHAI SOFT POWER ต่อด้วยวงโยธวาทิตบรรเลงเพลงกราวกีฬา ขบวนธงชาติ ขบวนธงประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทาน ติดตามด้วย บัวขาว บัญชาเมฆ, ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ และโสมรัศมี มานพยิม
ต่อด้วยประธานในพิธีกล่าวถวายราชสดุดี การบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นเข้าสู่พิธีการจุดเทียนรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งมีวงดุริยางค์ทหารบก ขับร้องบทเพลง “เดินตามรอยพ่อ“ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ คณะทูตานุทูต คณะกรรมการจัดการแข่งขันทุกฝ่าย รวมทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ชมในบริเวณงานเข้าร่วมด้วยความจงรักภักดี และสำนักในพระมหากรุณาธิคุณ
นอกจากนี้ บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยขวัญใจทั่วโลก พร้อมด้วย ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง ได้ขึ้นเวทีโชว์ศิลปะการไหว้ครูมวยไทย ให้กับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้เห็นกับตาตัวเองถึงศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก จนกลายเป็น ซอฟท์ เพาเวอร์ ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอีกด้วย
ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ดำเนินตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสนับสนุนกีฬามวยไทย ซอฟท์ เพาเวอร์ มาอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง โดยงานนี้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีชาวไทย และชาวต่างชาติแห่เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นการจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 และมีหลายชาติเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ กันหลายประเทศ
“กิจกรรมครั้งนี้เป็นการจัดงานแบบเทศกาล บวกกับการแข่งขัน ถือเป็นงานเอ็กซ์โปที่มีสินค้าครบทุกองค์ประกอบของมวยไทย ซอฟท์ เพาเวอร์ ที่สำคัญก็มีตำนานมวยไทยอย่าง บัวขาว และซุปเปอร์บอน เด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินรอยตามสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยร่วมด้วย เรียกได้ว่างานนี้ครบองค์ประกอบ ทั้ง Festival, Fight, Fashion, Equipment รวมทั้งมีน้องคนจีนอย่าง หลี่ เจินเซียง ที่ปั่นจักรยานมาเรียนมวยไทยกับบัวขาวร่วมงานด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่างานนี้ประสบความสำเร็จดังที่เห็น“
จะเห็นได้ว่างานนี้มีคนมาร่วมงานเยอะมากตลอดการจัดงาน 3 วัน และคนมาด้วยธรรมชาติของเขาเองเลย พอเห็นสนามมวย ปี่พาทย์มวยไทย เขาก็อะเมซิ่ง โดยเฉพาะชาวต่างชาติ และนักมวยต่างชาติ ทำให้ตอนนี้มวยไทยยังเป็น Soft Diplomatic Power คือใช้มวยไทยเป็นสื่อทางการทูตที่ให้ประเทศไทยกับประเทศที่มีมวยไทยอีก 152 ประเทศได้เชื่อมโยงกันด้วย
ขณะที่ บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยชื่อดัง เปิดเผยว่า สำหรับกระแสมวยไทยกับการเป็นซอฟท์ เพาเวอร์ ในเชิงศิลปะประจำชาติไทยนั้น จริงๆ แล้วเป็นซอฟท์ เพาเวอร์ มานานแล้ว พอพูดถึงคำว่า มวยไทย ถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่น่าภาคภูมิของประเทศไทยเราจริงๆ ไม่ว่าจะเดินทางไปทั่วโลกที่ไหน ถ้าพูดถึงมวยไทยทุกคนก็จะร้องอ๋อ
“มวยไทยถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน รวมทั้งคนทั่วไปได้มาเรียน ไม่ใช่ว่าเราเรียนแล้วเอาไปแข่งขันจริงๆ จังๆ แต่เดี๋ยวนี้ก็เป็นการเรียน เพื่อออกกำลังกายด้วย ทำให้ภูมิฐานด้วย และเป็นวิชาติดตัวได้“
ส่วนการที่ เจินเซียง สาวจีนผู้ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ ปั่นรถจักรยานจากประเทศจีน เดินทาง 35 วัน ระยะทางรวม 2,409 กม. เพื่อมาเรียนมวยไทยกับตนเองว่า ได้ตั้งชื่อเล่นให้กับน้องคนนี้แล้วว่า อาชิง ซึ่งเธอปั่นจักรยานจากประเทศจีนตั้งใจมาเรียนรู้เกี่ยวกับมวยไทย และอยากขึ้นสังเวียนชกมวยไทยจริงๆ ตอนนี้ก็ฝึกซ้อมกับตนอยู่ที่ค่ายมวยบัญชาเมฆ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพราะเธออยากเรียนรู้การเตะต่อยมวยไทยให้เป็น เพื่อที่จะไปต่อยอดของเขาได้
“จริงๆ แล้วเรื่องอาวุธมวยไทยของน้องเขาก็เริ่มเป็นหมดแล้วครับ แต่ว่ายังไม่มีเรื่องความแข็งแรง และความคล่องตัว รวมถึงความถนัดก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็อยากเรียนเพิ่มเติมให้มีความชำนาญให้มากที่สุดครับ“
ปิดท้ายด้วยการแข่งขันมวยไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ จำนวน 7 คู่ ซึ่งผลการชิงชัยสุดเข้มข้นปรากฏว่า ดังนี้
รุ่น 51 กก.หญิง เหวียน อันนี่ ลินห์ (ลูกครึ่งเวียดนาม-ฝรั่งเศส) ชนะคะแนน ชบาแก้ว ส.แก่นจันทร์ชัย
รุ่น 57 กก.ชาย ฉัตรเพชร นิโลบลไฟท์คลับยิม ชนะคะแนน วู ชาน ลี (เกาหลีใต้)
รุ่น 51 กก.หญิง กำไลเพชร เพชรยินดี อะคาเดมี่ ชนะคะแนน เคนเนดี้ เมเซ่ (สหรัฐ)
รุ่น 57 กก.หญิง จอมยุทธเหยิน สุรัตน์ ยิม ชนะคะแนน จูดี้ อูมเบอร์ (สกอตแลนด์)
รุ่น 57 กก.ชาย รูอัชห์ กอร์ดอน (อิสราเอล) ชนะคะแนน เจ้าตาปี ศ.พันรังษี
รุ่น 56 กก.หญิง ขวัญใจ ส.ตะวันรุ่ง ชนะคะแนน บรอนเต้ ซิมซัน-เฮย์ (ออสเตรเลีย)
รุ่น 70 กก.ชาย พ็อก บิล แฟร์เท็กซ์ (ฟินแลนด์) ชนะคะแนน ชายาน เฮย์ดารี่ (อิหร่าน)
ด้านผลมวยคู่ประกอบรายการ ดังนี้
รุ่น 51 กก.ชาย เพชรสุพรรณ ป.ประจันสี ชนะคะแนน โมฮัมหมัด ริฟดีน (มาเลเซีย)
รุ่น 65 กก.ชาย เพชรสองภาค ศิษย์เจริญทรัพย์ ชนะคะแนน ชนะคะแนน มรดกเพชร เพชรยินดีอะคาเดมี่
รุ่น 80 กก. ชาย จอมคน เกียรติหนองหลวง ชนะคะแนน เบห์ซาด ทารีห์ (อิหร่าน)
รุ่น 48 กก.หญิง แชลนอน เคลลี่ (สหราชอาณาจักร) ชนะคะแนน ดาเมีย ควาลาห์ (มาเลเซีย)
รุ่น 65 กก.ชาย เพียกเดย์ ธับ (กัมพูชา) ชนะคะแนน ฉลามเพชร ศิษย์พนมทอง