ADS


Breaking News

เปิดตัว หมอบีทูตสื่อวิญญาณ “ฑูตจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 10” น้อมนำทุกคนสู่ศรัทธาแห่งสัมมาทิฏฐิ

เปิดตัวแล้ว! “หมอบีทูตสื่อวิญญาณ” เป็น “ฑูตจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 10” จูงมือทุกคนสู่ศรัทธาแห่งสัมมาทิฏฐิ
     ( 9 พ.ย.2566 ) โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 10  ได้มีการเปิดตัว “ฑูตจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา” คือ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ “หมอบีทูตสื่อวิญญาณ” ที่ร้านนาถะ คาเฟ่ ถนนประชาชื่น กรุงเทพมหานคร
หมอบีทูตสื่อวิญญาณ “ฑูตจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล ครั้งที่ 10”
   นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล กล่าวในฐานะ “ฑูตจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล” ครั้งที่ 10 ว่า มีความภูมิใจในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อมาทำหน้าที่จูงมือทุกคนให้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาด้วยสัมมาทิฏฐิ โดยการพาสัมผัสกับ “การปลุกเสกพระเป็นๆให้เป็นพระ” ในโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ในประเทศอินเดียและเนปาล ซึ่งจะมีคณะสงฆ์ไทยและลาวเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
     “ที่ผ่านมาได้มีโอกาสทำงานด้านพระพุทธศาสนาด้วยแนวคิดเรื่องศรัทธาที่เป็นสัมมาทิฐิ จึงเห็นว่าการปลุกเสกพระเป็นๆให้เป็นพระ เป็นการทำให้มีศรัทธาอันดีงาม เกิดปัญญา และเป็นเนื้อนาบุญที่ดีงาม รวมทั้งเห็นว่าการไปยังสังเวชนียสถานจะต้องทำให้เกิดความสังเวชจริงๆ โดยส่วนตัวมองว่า การทำหน้าที่ฑูตครั้งนี้ เป็นเสมือนเครื่องกระตุ้นที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราทำอะไรอยู่ เพื่อให้เกิดความสังเวช และในฐานะที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา จำเป็นต้องจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เกิดความเข้มแข็งด้วยปัญญา” นายเสกสันน์ กล่าว 
     สำหรับ “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล”  จัดขึ้นด้วยดำริของ “พระครูธีรธรรมปราโมทย์” หรือ “หลวงพ่อสำเริง สุวรรณละม้าย”  เจ้าอาวาส วัดดอยเทพนิมิต ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย  ซึ่งดำเนินการโครงการนี้มาเป็นครั้ง ที่ 10 ด้วยความตั้งใจที่จะ “ปลุกเสกพระเป็นๆให้เป็นพระ” โดยการนำพาพระสงฆ์ที่มีความมุ่งมั่นจะ
เดินต่อในพระพุทธศาสนา ไปจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา ซึ่งมีการเริ่มต้นเส้นทางจาริกธรรมในประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดเชียงราย มายังกรุงเทพฯมหานคร และต่อด้วยเส้นทางจาริกธรรมยังดินแดนพุทธภูมิ ในประเทศอินเดียและเนปาล
     การปลุกเสกพระเป็นๆให้เป็นพระ โดยการพาคณะสงฆ์ออกเดินธุดงค์ด้วยเท้า ตลอดเส้นทางในพื้นที่ 3 ประเทศหลัก นำมาซึ่งความขันติบารมี (ความอดทน) , วิริยะบารมี (ความเพียร) และ สัจจะบารมี (สัจจะ) เป็นเบื้องต้น และ นำมาสู่อินทรีย์ 5 ที่เข้มแข็ง 
     ผลของการได้เข้าร่วม “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา”ของคณะสงฆ์ นำมาซึ่งการพัฒนาจิตใจของพระสงฆ์รูปนั้นๆ ให้เกิดความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว สามารถประคับประคองเส้นทางแห่งการเป็นเนื้อนาบุญให้ดำรงต่อไปได้ จนถึงขั้นพัฒนาสู่การ เป็นผู้นำสงฆ์ ที่สามารถนำพาหมู่คณะ ทั้งในวัด ,ชุมชน ,โรงเรียน และ ระดับประเทศให้เข้าสู่เส้นทางแห่งพระรัตนตรัย สามารถทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้เกิดขึ้น อย่างมีคุณค่าและมีความหมายให้กับพระพุทธศาสนา 
     ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 9 ครั้ง ของการดำเนินงาน“โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา” ได้ทำให้มีพระนักปฏิบัติ, พระนักเทศน์ และ พระนักพัฒนา โดยพระสงฆ์ที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ ได้ค้นพบศักยภาพความเป็นผู้นำในตนเอง ด้วยการผ่านหนทางแห่ง การเดินที่แสนทรหด ยากที่ผู้ใดจะผ่านไปได้ และเมื่อผ่านไปแล้วจะพบแต่ชัยชนะ ทั้งชนะตนเอง และ ชนะต่ออุปสรรคต่างๆ จึงเป็นผลให้มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง ที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ สามารถนำศักยภาพที่ค้นพบในตนเอง ก้าวสู่การเป็นเจ้าอาวาส นำมาสู่การพลิกฟื้นวัดวาอารามต่างๆให้กลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของพื้นที่นั้นๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเป็นผลของการปฏิบัติบูชาแด่พระรัตนตรัยอย่างจริงจัง ด้วยการจาริกธุดงค์ยังพื้นที่ทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย , อินเดีย และ เนปาล
    ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาของ “โครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา อินเดีย-เนปาล” ทั้ง 9 ครั้งได้มีทั้งพระสงฆ์ไทย  และ พระสงฆ์ลาว เข้าร่วมโครงการ โดยผลที่ได้รับ พระสงฆ์ไทยส่วนหนึ่งได้มีโอกาสเป็นพระนักเทศน์ และ พระนักพัฒนา ส่วนพระสงฆ์ลาว เมื่อผ่านการเข้าร่วมโครงการและกลับสู่แผ่นดินลาว ได้มีโอกาสกลับไปฟื้นฟูวัดร้างในลาวให้มามีชีวิตใหม่อีกครั้ง และ นำมาสู่การพัฒนาวัดในลาวให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น นับเป็นกองทัพธรรมอันสำคัญในประเทศเพื่อนบ้านของไทย