ADS


Breaking News

วช. บุกพื้นที่ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เผยผลสำเร็จของงานวิจัย “ธนาคารปูม้า” เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเล

วช. ลงพื้นที่ท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เยี่ยมชมผลสำเร็จของงานวิจัย “ธนาคารปูม้า” เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเล

     วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย คณะผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมผลสำเร็จของการดำเนินงาน โครงการวิจัย เรื่อง “การประยุกต์ใช้ธนาคารปูม้าเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่งและยกระดับรายได้ให้กับชาวประมงในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี” ที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อมรศักดิ์ สวัสดี จาก มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ พร้อมด้วย นายคนอง อินทรัตน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัง นายภานุวัฒน์ อินสุวรรณ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัง นายชัยชนะ ทิพย์มณี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลวัง นายปิยะ แซ่เอีย ประธานธนาคารปูม้าบ้านหาดสมบูรณ์ และชาวบ้านในพื้นที่ ให้การต้อนรับ ณ ตำบลวัง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

     ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ปูม้าเป็นทรัพยากรทางทะเลที่มีค่าทางเศรษฐกิจของไทย แต่ด้วยปัจจัยผลกระทบหลายอย่าง ส่งผลให้ปูม้าลดจำนวนลงเรื่อย ๆ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลการใช้อวนตาถี่จับสัตว์น้ำ การจับปูขนาดเล็ก เป็นต้น อีกทั้งมีการนำปูม้าไปใช้ประโยชน์มากขึ้น จนทำให้ปูม้ามีขนาดเล็กลง และอาจมีผลกระทบกับอาชีพการทำประมงปูม้าในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาของพื้นที่ ที่ วช.ให้ความสำคัญ และส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยเพื่อแก้ปัญหา ภายใต้โครงการจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ การอนุรักษ์ปูม้าบนพื้นฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นไปสู่หน่วยงานในพื้นที่และชุมชน ณ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ จึงนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ให้มีโอกาสพบปะและเห็นผลการทำงานของนักวิจัยกับกลุ่มประมงเรือเล็กและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาพกว้าง สร้างรายได้ให้กับชาวประมงในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

     ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อมรศักดิ์ สวัสดี หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการในระยะที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง 3 ปี และได้ดำเนินการจัดทำธนาคารปูม้าในพื้นที่เกาะสมุย และเกาะพะงันเป็นจำนวนกว่า 62 แห่ง พบว่าจากการกระตุ้นและสร้างการเรียนรู้โดยการมีส่วนร่วมปฏิบัติจริงของชาวประมงทั้งที่ใช้เครื่องมืออวนจมปูม้า และลอบปูม้าแบบพับได้ รวมทั้งเจ้าของแพปู และภาคเอกชนที่รับซื้อปู กลุ่มชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศทำให้ชุมชนมีความตระหนัก ตื่นตัว รวมทั้งมีความต้องการดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรปูม้า ทรัพยากรชายฝั่งชนิดอื่น ๆ รวมทั้งบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถติดตามความเคลื่อนไหวบางส่วนของกิจกรรมธนาคารปูม้า โดยผ่านทาง Facebook เพจของธนาคารปูม้ามวล.วช. จะเห็นได้ว่าชาวประมงมีกิจกรรมการปล่อยปูม้าจำนวนมากทุกพื้นที่ที่จัดทำธนาคาร ปูม้าตั้งแต่ชายฝั่ง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนถึงชายฝั่งอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีการบริจาคแม่ปูไข่นอกกระดอง มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในกลุ่มระดับอำเภอ รวมทั้งร่วมกันปล่อยปูม้าในระดับจังหวัดในงานประชุมอบรมการทำธนาคารปูม้าในระดับจังหวัด ประกอบกับความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์กับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต 3 เพื่อปล่อยคืนในพื้นที่เหมาะสมทางระบบนิเวศด้วย นับเป็นการสร้างบรรยากาศของการตื่นตัวของชุมชนเพื่อร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากร ปูม้า ซึ่งเป็นทรัพยากรประมงที่มีคุณค่าของประเทศไทยได้เป็นอย่างดีในระยะเริ่มต้นของการจัดทำธนาคารปูม้าเพื่อปล่อยคืนปูม้าสู่ทะเลไทยโดยชุมชนต่อยอดโครงการธนาคารปูม้าเพื่อเป็นเครื่องมือบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่งแบบองค์รวม (Holistic area based management) ตลอดจนกระตุ้นยกระดับเศรษฐกิจชุมชนฐานราก (BCG Economy) โดยการประยุกต์ใช้จุดแข็งของโครงการในด้านความเข้มแข็งของกลุ่มเครือข่ายธนาคารปูม้ากว่า 62 ชุมชนชายฝั่งที่มีความเหนียวแน่นครอบคลุมแนวชายฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตลอดจนหมู่เกาะต่าง ๆ เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะพะลวย และเกาะนกเภา ที่มีการเชื่อมต่อร้อยเรียงเครือข่ายไว้ ในการดำเนินการระยะก่อนหน้านี้ โดยในระยะที่ 3 ที่ผ่านมาของการดำเนินโครงการ คณะทำงานได้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนธนาคารปูม้าเพื่อความยั่งยืนระดับจังหวัด ทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการขับเคลื่อนงานในภาพรวมของทั้ง 2 จังหวัด ในลักษณะของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและครอบคลุมพื้นที่ของทั้ง 2 จังหวัด ดังนั้นการดำเนินงาน

     ในระยะที่ 4 ของโครงการจึงมีการวิเคราะห์สถานภาพของชุมชนธนาคารปูม้าเพื่อจัดทำแผนการพัฒนาเพื่อสร้างอาชีพ และสร้างความมั่นคงยั่งยืนของปูม้า ตลอดจนเพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนธนาคารปูม้าให้มีอยู่อย่างยั่งยืนในพื้นที่โดยใช้เครือข่ายคณะกรรมการขับเคลื่อนธนาคารปูม้าเพื่อความยั่งยืนระดับจังหวัดเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและมีสำนักงานประมงจังหวัด และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตลอดจนสมาคมรักษ์ทะเลไทย และสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านเป็นที่ปรึกษา สนับสนุนกิจกรรมเสริมสร้างให้ธนาคารปูม้าเข้มแข็งโดยการหนุนเสริม ซ่อมแซมปรับปรุง ให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ติดตามจำนวนแม่ปูม้าที่เข้าธนาคารปูม้า รวมทั้งผลจับปูม้า กิจกรรม CSR โครงการ ส่งเสริมการตลาดท้องถิ่น กิจกรรมปล่อยปูม้าในพื้นที่ร่วมกับภาคีต่าง ๆ ในวาระสำคัญ หรือในช่วงเวลาที่มีภาคส่วนต่าง ๆ สนใจจัดกิจกรรมร่วม รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมจัดการท่องเที่ยวและอาหารเชิงอัตลักษณ์ร่วมกับภาคีในท้องถิ่นชุมชนเป้าหมาย ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากปูม้าไทย ได้แก่ ปูสดชาวเล ,จ๊อปูจัมโบ้ ,ปูม้ากระป๋อง ,ชาวเลซีฟู้ดส์น้ำยาแกงปูสำเร็จรูป และอื่น ๆ อีกมากมายสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินการในระยะที่ 4 ที่จัดทำโครงร่างยื่นขอการสนับสนุนจะเป็นการใช้จุดแข็งของธนาคารปูม้าที่ดำเนินการในระยะที่ผ่านมา โดยธนาคารปูม้าบ้านหาดสมบูรณ์ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 5 ชุมชนต้นแบบของประเทศไทยที่พัฒนาชุมชนเข้มแข็งตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG โดยเฉพาะกิจกรรมธนาคารปูม้าที่มีความชัดเจนของการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลตอบโจทย์ SDG ข้อที่ 14 อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนตามแนวทาง SDGs และส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชนฐานรากได้อย่างแท้จริง

     ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. และสื่อมวลชนได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมบริษัท วิยะเครป โปรดักส์ จํากัด สถานที่ผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ปูม้าไทย ณ ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะเห็นได้ว่าโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการที่ประสบความสำเร็จ อันเกิดจากความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ซึ่งจะก่อให้เกิดการผลักดัน การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ