วช.จัดเสวนา "การขับเคลื่อนเครือข่ายนักวิจัยโดยใช้กลไกศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ(Hub of Talents)และศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge)" มุ่งยกระดับ ความ ร่วมมือทุกภาคส่วนตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ 
ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ  ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 
รศ.ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง ผู้อำนวยการแผนงานโครงการประเทศไทยไร้หมอกควัน 
ผศ.ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ  ผู้อำนวยการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญระบบราง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ 
ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค  ผู้อำนวยการศูนย์กลางความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
รศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล  ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนา ววน. ด้านกำลังคนและสถาบันความรู้ 
     วันที่ 11 สิงหาคม 2566 วันสุดท้ายของมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 (Thailand Research Expo 2023) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดเสวนา "การขับเคลื่อนเครือข่ายนักวิจัยโดยใช้กลไกศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ(Hub of Talents)และศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge)" โดย   ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  รศ.ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง ผู้อำนวยการแผนงานโครงการประเทศไทยไร้หมอกควัน  ผศ.ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ  ผู้อำนวยการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญระบบราง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ  ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค  ผู้อำนวยการศูนย์กลางความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ดำเนินรายการโดย   รศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล  ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนา ววน. ด้านกำลังคนและสถาบันความรู้  ณ ห้อง Lotus 1-2 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร 
VIDEO VIDEO 
      ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ  กล่าวว่า เป็นความพยายามของกองทุนในการแก้ปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่ต้องอาศัยความรู้จากหลากหลายสาขาการวิจัย และจริง ๆ แล้วความรู้หลากหลายสาขาก็เกิดขึ้นจากนักวิชาการอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญซึ่งอยู่ในแต่ละสถาบัน จึงพยายามหากระบวนการวิธีที่ทำให้มาทำงานร่วมกัน ในอดีตที่ผ่านมาเคยพยายามทำในเรื่องนี้ให้เป็นศูนย์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ก็ติดอยู่ในเรื่องของสถาบัน การยึดติดหน่วยงาน ด้วยเหตุนี้ในระยะเวลาที่ผ่านมาทางคณะกรรมการฯ ให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ทำหน้าที่ในการประสานจัดการให้เกิดการสร้างกลุ่ม ให้มีนักวิจัยที่หลากหลายในแต่ละเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ตัวอย่างเช่น เรื่องระบบรางก็ต้องมีวิศวกรระบบ มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับวัสดุ ระบบควบคุม ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้มาทำงานด้วยกันมีความหลากหลาย ขณะเดียวกันให้มีการศึกษาวิจัยต่อเนื่อง ในระยะเวลาที่หลายเรื่องนั้นต้องมีการรวบรวมความรู้ที่กำหนดกระบวนการให้เกิดการสร้างคนเพิ่มมากขึ้นด้วย การรวมกลุ่มคนให้มีการเรียนรู้แล้วก็ถ่ายทอดความรู้ให้แก่กันและกัน ให้เก่งมากขึ้น ตัวอย่าง  ศูนย์กลางความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค มีการรวบรวมความรู้  ส่งต่อให้หน่วยงานดำเนินการตรวจสอบความโปร่งใส ตรวจความผิดปกติ การทำงานร่วมมือกันเป็นสิ่งที่สำคัญ  
     รศ.ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง ผู้อำนวยการแผนงานโครงการประเทศไทยไร้หมอกควัน   กล่าวว่า วัตถุประสงค์ 1. เพื่อการพัฒนาระบบพยากรณ์คุณภาพอากาศและแอพพลิเคชั่นเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย 2. เพื่อดำเนินการทบทวนและถอดบทเรียนการบริหารจัดการหมอกควันในเขตพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด 3. คู่มือวิเคราะห์เชิงนโยบาย และแผนในการจัดการปัญหาหมอกควัน ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด เริ่มเน้นการสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ปัญหา PM 2.5 เป็น Area Base มีสาเหตุแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เป็นปัญหาระดับโลก เป็นปัญหาของทุกๆคนทุกๆที่ ดังนั้นจึงต้องมีความร่วมมือกันทุกๆฝ่าย สร้าง 
     ผศ.ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ   ผู้อำนวยการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญระบบราง มจพ.  
     ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค   ผู้อำนวยการศูนย์กลางความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  
     ในตอนท้าย ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร  กล่าว " รูปแบบนี้เป็นรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นการที่ทุกคนต้องทำงานด้วยกัน ร่วมรับผิดชอบร่วมกันแล้วก็ร่วมรับผลประโยชน์ที่ดีร่วมกัน อยากจะฝากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คำว่าบูรณาการหรือการทำงานร่วมกัน และไม่ใช่เฉพาะภาควิชาการ เวลานำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงผู้ปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น ภาคชุมชนประชาสังคม ภาคธุรกิจการค้า ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริษัทเอกชน ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันนี้กองทุน ววน. ก็เปิดโอกาสให้มีการทำงานร่วมกันแบบนี้มากขึ้น โดยเอาปัญหาจากผู้ที่จะใช้ผลผลิตผู้ที่ประสบปัญหานั้นมาเป็นหลัก เป็นตัวตั้ง  " 
     ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับการวิจัยและนวัตกรรม ขับเคลื่อนงานวิจัย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่สร้างไทยยั่งยืน