กรมศุลกากร สกัดจับ เฮโรอีน โคคาอีน น้ำมันดีเซล ลอบนำเข้าและส่งออกนอกประเทศ
กรมศุลกากร สกัดจับ เฮโรอีน โคคาอีน น้ำมันดีเซล
ลักลอบนำเข้าและส่งออกนอกประเทศ
วันนี้ (21 กรกฎาคม 2566) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ให้ความสำคัญในภารกิจปกป้องสังคม ให้ปราศจากการลักลอบนำเข้าและส่งออก สิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด จึงให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกรมศุลกากร เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการป้องกัน สกัดกั้นยาเสพติดให้โทษ และบูรณาการกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ป.ป.ส. บช.ปส. ศรภ. หน่วยงานศุลกากรของไทยในต่างประเทศ ศุลกากรต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานทูตต่าง ๆ องค์การตำรวจสากล (Interpol) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration: DEA) เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือและดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 กรมศุลกากรจับกุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร และเตรียมส่งออกไปนอกราชอาณาจักร มีรายละเอียดังนี้
กรมศุลกากร ตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนักรวม 13.945 กิโลกรัม ปลายทางประเทศออสเตรเลีย ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ
ต่อมา กรมศุลกากรได้ยึดโคคาอีนน้ำหนัก 189 กรัม ต้นทางสาธารณรัฐอาเจนตินา มูลค่ากว่า 567,000 บาท ณ คลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบของเร่งด่วนระหว่างประเทศต้องสงสัย ว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร สำแดงชนิดสินค้าเป็น KEYCHAINS ต้นทางสาธารณรัฐอาเจนตินา พบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน ในถุงพลาสติก ปิดด้วยเทปกาวสีน้ำตาล ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องกระดาษ ซึ่งได้มีการดัดแปลงให้สามารถใส่สิ่งของดังกล่าวได้ จำนวน 2 ชิ้น น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 189 กรัม มูลค่ากว่า 567,000 บาท
ซึ่งทั้ง 2 กรณี เป็นการกระทำผิดตามมาตรา 242 , 244 ประกอบมาตรา 252 ซึ่งเป็นของอันพึงต้องริบ ตามมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 จึงส่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อไป
หลังจากที่เข้าไปในพื้นที่ พบสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล บรรจุอยู่ในถังขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 10 ถัง รวมจำนวน 10,000 ลิตร มูลค่ากว่า 300,000 บาท เบื้องต้นไม่มีหลักฐาน หรือเอกสารผ่านพิธีการศุลกากรมาแสดง
การกระทำดังกล่าว เป็นความผิด มาตรา 242 , 246 และมาตรา 252 ซึ่งเป็นของอันพึงต้องริบ ตามมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จึงได้ยึดของกลางดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป