“บีอีคิว กรุ๊ป” MOU “โมเจริม” บุกตลาดปลูกผมโลก! ที่ขยายตัวกว่า 2 แสนล้านบาท ยกระดับสู่ผู้นำศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมชั้นนำของโลก
นายพรศักดิ์ เจียมสว่างพร ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บีอีคิว กรุ๊ป |
นายแพทย์ ฮวัง จุง อุค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาล โมเจริม |
นายแพทย์ เนติทัศน์ ชินอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมธุรกิจทางการแพทย์ พาวีคอน เมดิเนส อะคาเดมี (Pavicon Mediness Academy) (PMA) |
บีอีคิว กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจปลูกผมครบวงจร ผนึก โมเจริม โรงพยาบาลชั้นนำระดับโลก
เพื่อร่วมมือด้านวิชาการ พัฒนาเทคนิคและธุรกิจการปลูกผมสมัยใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ ตอบโจทย์
ธุรกิจปลูกผมโลกที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ขยายตัวกว่า 200,000 ล้านบาท ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ขึ้นเป็น
ผู้นำศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก ต่อยอดธุรกิจสร้าง HAIR
RESTORATION CENTER แบบยั่งยืน
จากข้อมูลการเติบโตของอุตสาหกรรมการปลูกผมถาวรทั่วโลกในปี 2564 พบว่ามีมูลค่าตลาดสูงถึง 5,677.61 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 8,777.56 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโต CAGR สูงถึง 7.98% สอดคล้องกับการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery) ในปี 2562 ที่ได้ประเมินเคสผ่าตัดปลูกผมทั่วโลกมีมากถึง 735,312 ครั้ง ซึ่งมากกว่าปี 2559 ถึง 16% โดยแถบอเมริกาเหนือเป็นบริเวณที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ขณะเดียวกันแถบเอเชีย-แปซิฟิค เป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วสุดในอุตสาหกรรมนี้ในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะเติบโตมากว่า 35% ในปี 2576 และส่งผลให้ตลาดปลูกผมโลกขยายตัวกว่า 200,000 ล้านบาท
นายพรศักดิ์ เจียมสว่างพร ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บีอีคิว กรุ๊ป เปิดเผยถึง วัตถุประสงค์ของการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างกลุ่มบริษัท บีอีคิว กรุ๊ป (BEQ GROUP) ผู้นำด้านธุรกิจการปลูกผมครบวงจร และโรงพยาบาล โมเจริม (MOJELIM) ผู้นำเฉพาะทางด้านการปลูกผมอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการยอมรับด้านเทคนิคการให้การรักษาระดับแนวหน้าของโลก มีประสบการณ์มากกว่า 26 ปี โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 120,000 ราย มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อส่งเสริมทักษะ เทคนิค และองค์ความรู้ด้านวิชาการ พัฒนางานวิจัย และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ปลูกผม เพื่อเป้าหมายการเป็น“ศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก” ภายในปี 2568
นอกจากนี้บีอีคิว กรุ๊ป ยังมีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการขยายธุรกิจของกลุ่มให้ครบวงจร ครอบคลุมทุกองค์รวมของการประกอบธุรกิจ อาทิ สถาบันปลูกผม, สถาบันส่งเสริมการทำธุรกิจปลูกผม, ศูนย์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแบบบูรณาการ, บริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ปลูกผม และเพิ่มความรวดเร็วเปรียบเสมือน Fast Track – Short Cut ทางลัดให้กับผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจการปลูกผมถาวร และแพทย์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สร้างโอกาสให้กลุ่มแพทย์ได้เพิ่มพูนทักษะเฉพาะทางด้านปลูกผม และเข้าถึงองค์ความรู้ เทคนิค ที่ทันสมัยผ่านความร่วมมือระดับประเทศนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งประกาศความเป็นผู้นำของ บีอีคิว กรุ๊ป ในอุตสาหกรรมด้านการปลูกผมในภูมิภาคเอเชียที่จะขยายสู่ระดับสากลได้ในระยะเวลาอันสั้นผ่านความร่วมมือครั้งนี้ โดยสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจให้เติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้เกิดความยั่งยืน และก้าวสู่ศูนย์กลางระดับโลกในอนาคตอันใกล้
“เกาหลีใต้เป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยี วิจัย พัฒนา เทคนิคการรักษาทางด้านนี้ และ โมเจริม เป็นโรงพยาบาลมีชื่อเสียง มีเคสที่ประสบความสำเร็จกว่าแสนราย นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์มายาวนาน เป็นโรงพยาบาลชั้นนำอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ด้านการปลูกผม มีประสบการณ์ทั้งในแง่ทฤษฎีและปฏิบัติอย่างมาก อีกทั้งเรามีความคิดเห็นที่ตรงกันในความต้องการพัฒนาขีดความสามารถรวมถึงต่อยอดเทคนิคต่างๆ ของแพทย์ ด้านการรักษาพยาบาลให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในรูปการรักษาแบบบูรณาการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนไข้ในประสิทธิผลของการรักษาแบบยั่งยืนต่อไป” นายพรศักดิ์ กล่าว
นายแพทย์ ฮวัง จุง อุค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาล โมเจริม กล่าวถึงความร่วมมือกับ บีอีคิว กรุ๊ป ในครั้งนี้ว่า โมเจริม มีความต้องการขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศไทย สอดคล้องกับ บีอีคิว กรุ๊ป เป็นผู้นำในเรื่องธุรกิจการปลูกผมในประเทศไทย มีองค์ความรู้และความสามารถที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น และเห็นถึงความตั้งใจของ บีอีคิวฯ ที่อยากผลักดันให้อุตสาหกรรมการปลูกผมมีความยั่งยืน เพิ่มโอกาสให้แพทย์ในเอเชียได้เข้าถึงเทคโนโลยี เทคนิคได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและแลกเปลี่ยนเทคนิค พัฒนางานวิจัยต่างๆ อันเป็นประโยชน์กับคนไข้ของโรงพยาบาลในอนาคต รวมถึงต้องการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมในด้านการปลูกผมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถยกระดับให้มีมาตรฐานเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมระดับนานาชาติ พร้อมยินดีที่จะถ่ายทอดประสบการณ์จริงของการทำงานกว่า 26 ปี กับเคสความสำเร็จมากกว่า 120,000 ราย เพื่อให้แพทย์ที่มีความสนใจด้านนี้ได้เรียนรู้ ประยุกต์ใช้ประสบการณ์นี้ในการรักษาและเป็นประโยชน์กับคนไข้ในวงกว้างได้มากขึ้น
ด้านนายแพทย์ เนติทัศน์ ชินอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมธุรกิจทางการแพทย์ พาวีคอน เมดิเนส อะคาเดมี (Pavicon Mediness Academy) (PMA) สถาบันสอนและเพิ่มพูนทักษะทางธุรกิจด้านการปลูกผมที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ในเครือ บีอีคิว กรุ๊ป เปิดเผยว่า นี่คือก้าวที่สำคัญของทั้ง 2 องค์กร ที่จะร่วมกันช่วยผลักดันให้ตลาดปลูกผมมีการเติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของสถาบันเองฯ ได้มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีทีมผู้ชำนาญที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี มีหลักสูตรการบริหารธุรกิจเฉพาะทางปลูกผมที่ทันสมัย ปัจจุบันทั้งหมด 10 หลักสูตร และพร้อมให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจการปลูกผมแบบครบวงจรอีกด้วย ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและทักษะการปลูกผมชั้นสูงจากทีมแพทย์และผู้ชำนาญการ และมีความมุ่งมั่นพัฒนาพร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีความรู้ทั้งด้านการบริหาร และทางวิชาการ ทักษะ ความเข้าใจในศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม มีความสามารถเชิงวิชาชีพ เพื่อเป็นประโยชน์ในทางวิชาชีพการปลูกผมในนามประเทศไทยสู่เวทีสากลต่อไป
ปัจจุบันตลาดปลูกผมในประเทศไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในส่วนของ บีอีคิว กรุ๊ป และบริษัทในเครือ ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปี 2565 เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ยังมีแผนสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น HAIR RESTORATION CENTER ที่ยั่งยืนแห่งใหม่ของโลก โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ปี 2566-2568 ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของธุรกิจในกลุ่มบีอีคิว กรุ๊ป เพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยจะมีมูลค่ามากกว่า 1,400 ล้านบาท ในปี 2568 และภายใน 5 ปี ตั้งเป้าจะเป็นที่ 1 ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และหนังศีรษะ แบบครบวงจรของเอเชีย
# # #