ฉายภาพงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน อยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ขอให้บูรณาการอย่างแท้จริง
อดีตรองนายกรัฐมนตรีผู้มีบทบาทในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อก
สู่โลกดิจิทัล ของงานวิจัยประเทศ จนนำมาสู่การก่อตั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.มองภาพงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศในช่วง 65
ปี ยังไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ และ สังคมตามที่คาดหวัง
จึงได้มีการปฏิรูปงานวิจัย วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมมาให้เป็นเนื้อเดียวกัน
5
สิงหาคม 2565 พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ มองภาพงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศจากอดีตสู่ปัจจุบัน
เนื่องในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์
บางกอกคอนเวนชันเซนเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า ขอขอบคุณที่งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติได้พยายามนำเสนอให้เห็นว่างานวิจัยจะทำให้เกิดการพัฒนาประเทศ
สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และยังมุ่งสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนพลเมืองในประเทศอีกด้วย
การเผชิญหน้ากับปัญหาที่มีความท้าทาย
ทั้งจากภัยทางธรรมชาติและภัยจากน้ำมือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโลกร้อน
อุณหภูมิที่สูงขึ้น สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ โรคระบาด อุบัติเหตุ ภัยสงคราม
ล้วนมีผลกระทบต่อผู้คน
ขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตในทุกขั้นตอน จนทำให้หลายสิ่งหลายอย่างไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป
การเริ่มก่อเกิดของสำนักงานวิจัยแห่งชาติซึ่งเริ่มมาตั้งแต่
2499
ถือว่ามีความสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างและจากการที่เคยไปร่วมงานครบรอบ
60 ปีของ วช. เป็นความยิ่งใหญ่ในการสร้างรากฐานของการวิจัย วช.
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง จนต่อมาในปี 2532 มีการจัดตั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมขึ้น จนถึงปี 2562 รัฐบาลได้จัดตั้งกระทรวงใหม่เป็นการรวมงานของ
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กับ สำนักงานการอุดมศึกษา เป็น กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ยังเป็นหัวใจยังคงอยู่
ต้องขอขอบคุณ วช. ที่ได้วางรากฐานกำหนดเป็นแผน 5 ปี 10
ปี ไว้ตลอดมา แม้ว่า ในช่วง 65 ปีที่ผ่านมา เรายังไม่สามารถผลักดันงานวิจัยให้มีผลกระทบต่อการนำไปใช้ประโยชน์กับสังคม
และประเทศชาติตามที่เราต้องการ ดังนั้น เราจึงมีการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ และ นวัตกรรม
มาเป็นเนื้อเดียวกัน โดยเสริมด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการปรับปรุงกฎหมายและปรับปรุงหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ทำให้มีการดำเนินการเห็นแสงสว่างที่ชัดเจนขึ้น
มีการปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อประโยชน์ต่อนักวิจัย มีการจัดสรรงบประมาณที่ต่อเนื่อง
ทำให้เกิดกำลังใจในการที่ภาคส่วนต่างๆจะเข้ามาร่วม ถือเป็นจุดที่รีสตาร์ทใหม่ที่ทำให้กระบวนการวิจัย
วิทยาศาสตร์ และ นวัตกรรม ส่งผลต่อโอกาส ส่งผลต่อสังคม และ เศรษฐกิจมากขึ้น
คาดว่าในช่วงเวลาจากนี้ต่อไปจะเป็นช่วงขาขึ้นของงานวิจัยและนวัตกรรม
พลอากาศเอกประจิน กล่าวถึง
การใช้งานวิจัยเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศพัฒนาแล้วแบบก้าวกระโดด
ว่า จะทำได้ก็ต้องทำให้งานวิจัยมีการต่อยอดในเชิงวิชาการ ในเชิงพาณิชย์ เพื่อจำหน่ายในประเทศ
และต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยหลายฝ่าย เพราะจะต้องมีเรื่องของคุณภาพและมาตรฐาน
เพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่น เพราะการลงทุนที่จะร่วมกันระหว่างคนไทยและต่างชาติ
เขาจะต้องได้รับสิทธิประโยชน์พอสมควร และในเรื่องการตลาด เราจะต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ
แต่ขณะนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างดี เพียงแต่ตรงนี้ขอให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง
งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีประลองยุทธ์ แสดงถึงศักยภาพของนักวิจัยไทย ที่ได้รับทุนสนับสนุนงานวิจัย จาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ปีนี้เป็นครั้งที่ 17 ภายใต้ หัวข้อ “ วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ”