ADS


Breaking News

เร่งด่วน! รวมพลัง 'ฮีโร่' บริจาคโลหิต ให้ผู้ป่วยได้ผ่าตัด

⏱ได้เวลาปลุกพลัง 'ฮีโร่' ช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน 🅰️🅱️🅾️🆎
🏥โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดเลือด
🚨หมอนัดผ่าตัดเต็มรูปแบบ 
ต้องการโลหิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบโลหิตคงคลังไม่เพียงพอ

ขอเชิญ"ฮีโร่"สุขภาพดี
ร่วมบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติโรคระบาด
ส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ให้ผู้ป่วยได้ผ่าตัด
'ฮีโร่' ที่มาบริจาคโลหิต ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์👉สามารถลงทะเบียนนัดหมายบริจาคโลหิต Online ล่วงหน้าได้แล้ว เพียงคลิก📲 http://bdbooking.nbc.in.th
.
👉พิเศษสุดสำหรับ 'ฮีโร่บริจาคโลหิต' เท่านั้น
จะได้รับเสื้อยืด👕“Blood Hero” Limited Edition ออกแบบโดย SMILEYHOUND BY GREYHOUND🐶
📅ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 🚨หรือจนกว่าของจะหมด🚨
ร่วมแสดงพลัง ‘Blood Hero’ ได้ที่ 👇
🏥ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถ.อังรีดูนังต์
🚩หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ 6 แห่ง (Fixed Station)
🚩โรงพยาบาลสาขาในเขตกรุงเทพฯ 6 แห่ง
🚩ภาคบริการโลหิตแห่งชาติทั้ง 12 แห่ง
.
📲เช็คสถานที่รับบริจาคโลหิต ในโครงการ “Blood Hero ปี 2”

🔴คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต 
🔴📝ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครผู้บริจาคโลหิต
คลิก https://bit.ly/3c4yHRX 
🔴📝ดาวน์โหลดแบบคัดกรองตนเองเพื่อประเมินความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19
คลิก https://bit.ly/2WdB1ws 
🔴ดาวน์โหลดแบบฟอร์มยินยอมผู้ปกครองให้บริจาคโลหิต (สำหรับผู้ที่อายุ 17 ปีบริบูรณ์)

📍หมายเหตุ ผู้บริจาคโลหิตที่ปรินท์แบบฟอร์มใบสมัครผู้บริจาคโลหิตมาจากบ้าน จะต้องปรินท์แบบคัดกรองตนเองเพื่อประเมินความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 แนบมาด้วย

ร่วมบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติโรคระบาด

ส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ให้ผู้ป่วยได้ผ่าตัด


ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนคนไทยช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน โรงพยาบาล ทั่วประเทศขาดเลือด หมอนัดผ่าตัดเต็มรูปแบบ ต้องการโลหิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบโลหิตคงคลังไม่พอจ่าย 

รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลประกาศคลายล็อก ยกเลิกเคอร์ฟิว และเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 อนุญาตให้หน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยได้ตามปกติ ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพิ่มเคสนัดผ่าตัดจาก 25% เป็น 50% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา มีการเบิกขอใช้โลหิตสูงกว่า 6,500 ยูนิตต่อวัน แต่สามารถจ่ายเลือดได้เพียง 43% เท่านั้น

ปัจจุบัน มีปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศเฉลี่ย วันละ 2,800 ยูนิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทุกแห่งขาดเลือด ไม่มีโลหิตเพียงพอในการรักษาและผ่าตัดผู้ป่วย และยังต้องใช้โลหิตกับผู้ป่วยที่มีภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน และผู้ป่วย โรคเลือดที่ต้องใช้โลหิตเป็นประจำ 

  1. แพทย์ไม่มีโลหิตเพียงพอที่ใช้ในการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดที่ต้องใช้โลหิตจำนวนมาก และเร่งด่วน อาทิ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน อุบัติเหตุ ตกเลือดหลังคลอดบุตร และเลือดออก ในทางเดินอาหาร ฯลฯ        การรักษาผู้ป่วยกรณีดังกล่าว ต้องมีโลหิตสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัด 2-3 ยูนิต ในกรณีที่มีอาการรุนแรง 5-10 ยูนิต ต้องขอเบิกโลหิตสำรองให้เพียงพอ ถ้าโลหิตไม่เพียงพอต้องเลื่อนการผ่าตัดอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้

  2. ผู้ป่วยที่ชะลอการผ่าตัดในช่วงที่ผ่านมา กลับมารักษาตามที่โรงพยาบาลนัดหมาย อาทิ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูก โรคหัวใจ ชนิดไม่รุนแรง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยขาดโอกาสในการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตลดลง 

  1. ผู้ป่วยโรคเลือด ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาเป็นประจำ อาทิ โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง และโรคเกล็ดเลือดต่ำ ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงต้องได้รับโลหิตในการรักษาเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ยูนิต หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ในรายที่โลหิตจางรุนแรงอาจทำให้หัวใจทำงานหนักจนหัวใจล้มเหลวได้ จึงต้องได้รับโลหิตในการรักษาอย่างทันท่วงที

จึงขอเชิญชวนฮีโร่ที่มีสุขภาพดี ครบกำหนด 3 เดือนแล้ว บริจาคโลหิตเพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยตามโรงพยาบาล ทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน สำหรับผู้บริจาคโลหิต วันนี้ - 31 ธันวาคม 2564 รับเสื้อยืด “BLOOD HERO” เป็นที่ระลึกหรือจนกว่าของจะหมด ออกแบบโดย SMILEYHOUND BY GREYHOUND 

  • ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ, หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ : สถานีกาชาด 11 (วิเศษนิยม บางแค) เดอะมอลล์สาขางามวงศ์วาน, สาขาบางแค, สาขาบางกะปิ, ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม สุขุมวิท, บ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)

  • โรงพยาบาลสาขาในเขตกรุงเทพฯ 6 แห่ง ได้แก่ รพ.ตำรวจ, รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า, รพ.รามาธิบดี, รพ.ภูมิพล อดุลยเดช, สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า, รพ.วชิรพยาบาล  

  • ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ได้แก่ ลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา และภูเก็ต