ADS


Breaking News

“แรงงานข้ามชาติ” ปัญหาเรื้อรัง ยิ่งรุมเร้าในวันที่ต้องเผชิญโควิด

แรงงานข้ามชาติหรือแรงงานต่างด้าว ถือเป็นหนึ่งในกลไกหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยที่ผ่านมาระบบการจัดการแรงงาน ยังคงมีปัญหาทั้งในมิติของนายจ้าง และการสนับสนุนของรัฐบาล อาทิเช่น  แรงงานต่างด้าวจำนวนไม่น้อยที่ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย เนื่องจากนายจ้างพยายามเลี่ยงต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่ครอบคลุมแตกต่างไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบประกันสังคม หรือการให้สวัสดิการต่างๆ  

ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบเชื่อมโยงและทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อประเทศไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19  ในช่วงกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานต่างด้าวจังหวัดสมุทรสาคร ผนวกกับการเคลื่อนย้ายของประชากรจำนวนมากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทําให้โรคเกิดการแพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ซึ่งกลุ่มการระบาดสำคัญ อยู่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานในสถานที่ก่อสร้าง และตลาดสด ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว โดยสาเหตุสำคัญที่ทําให้เกิดการแพร่กระจายโรคไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแรงงานดังกล่าวพักอาศัยอยู่รวมกัน และมีความเป็นอยู่อย่างแออัด รวมทั้งอาจขาดการปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคลที่เคร่งครัด จึงทําให้เกิดการแพร่กระจายโรคเป็นวงกว้าง ขยายไปในจังหวัดต่างๆ 

ข้อมูลระหว่างวันที่ 15 ม.ค. - 31 พ.ค. 2564 มีคนต่างด้าวลงทะเบียนออนไลน์เพื่อตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 พร้อมทำบัตรประกันสุขภาพ และยื่นขออนุญาตทำงานกับกรมการจัดหางาน ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 มีทั้งสิ้นจำนวน 654,864 คน แบ่งเป็นคนต่างด้าวที่ได้รับอนุมัติบัญชีรายชื่อ (มีนายจ้าง) 601,027 คน และยังไม่ดำเนินการอีก 53,837 คน ซึ่งในจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุมัติบัญชีรายชื่อแล้วพบว่า มีการลงข้อมูลซ้ำซ้อนถึง 50,972 คน เป็นคนที่อยู่บริเวณแนวชายแดนและเดินทางกลับไปแล้ว 29,000 คน เป็นผู้ติดตาม 25,000 คน รวม 104,972 คน ทำให้คงเหลือคนต่างด้าวที่ต้องดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 496,055 คน 

โดยล่าสุดมีการดำเนินการดังนี้

  • จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลแล้ว 485,263 คน 

  • มีการตรวจโรคโควิด-19 แล้ว 339,331 คน 

  • ยื่นขอรับใบอนุญาตทำงาน (บต.48) แล้ว 239,654 คน 

  • จัดทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติแล้ว 52,326 คน   

    ทั้งนี้อัตราค่าใช้จ่ายที่แรงงานต่างด้าวต้องจ่ายในการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 รวมถึงการตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพมีดังนี้ 

  1. แรงงานต่างด้าวกิจการทั่วไปที่ไม่เข้าระบบประกันสังคม คนละ 6,500 บาท 

(ค่าตรวจโควิด 2,300 บาท ค่าตรวจสุขภาพ 1,000 บาท ค่าประกันสุขภาพ 2 ปี คนละ 3,200 บาท โดยบัตรจะมีอายุสิ้นสุด 13 ก.พ. 2566) 

  1. แรงงานต่างด้าวที่ประกอบกิจการประมงทะเล คนละ 6,600 บาท 

(ค่าตรวจโควิด 2,300 บาท ค่าตรวจสุขภาพ 1,100 บาท ค่าประกันสุขภาพ 2 ปี คนละ 3,200 บาท โดยบัตรจะมีอายุสิ้นสุดวันที่ 13 ก.พ. 2566)


จากการประมาณการณ์ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พบว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล มีคนต่างด้าว อาศัยอยู่ประมาณ 1,318,641 คน เฉพาะที่ถูกต้องตามกฎหมาย กระจายอยู่ใน 6 จังหวัด แยกเป็น กทม. มีประมาณ 580,000 คน  สมุทรสาคร 230,000 คน  สมุทรปราการ 160,000 คน  ปทุมธานี 130,000 คน  นนทบุรี 99,000 คน  และนครปฐม 93,000 คน นอกจากนี้ ยังมีที่ไม่ถูกกฎหมายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะมีอีกประมาณ 3 เท่าของจำนวนแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย อาศัยอยู่ใน กทม. โดยเขตที่มีแรงงานต่างด้าวมากสุด จำนวน 5 เขต บางขุนเทียน หนองแขม บางบอน บางแค และจอมทอง ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีรายงานเป็นจำนวนมาก 

1 สถานที่ก่อสร้าง : จากการสำรวจข้อมูลที่พักแรงงานก่อสร้างในเขต กทม. พบว่า มีแคมป์คนงาน 409 แคมป์ กระจายอยู่ในทุกเขต มีคนงาน 62,169 คน เป็นคนไทย 26,134 คน (ร้อยละ 42.1) ต่างด้าว 36,035 คน
(ร้อยละ 57.9) 

2  ตลาดสด : จากข้อมูลตลาดสดที่กระจายอยู่ทั่วทุกเขตใน กทม. พบว่า มีตลาดสดเอกชนทั้งหมด 433 แห่ง โดยคาดประมาณจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ทำงานช่วยขายและเข็นของอยู่ในตลาด ประมาณ 45,000 คน และเขตที่มีจำนวนตลาดสดมากที่สุด ได้แก่ เขตลาดกระบัง เขตบางขุนเทียน  และเขตบางแค ตามลำดับ 

  1. โรงงานอุตสาหกรรม : เขตที่มีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก มักเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ มีการตรวจเชิงรุก โดยใน กทม. มีการตรวจเชิงรุก จำนวน
    128 แห่ง และมีจำนวนแรงงานที่เข้ารับการตรวจเชิงรุก 21,458 ราย ผลพบติดเชื้อโควิด 77 ราย หรือร้อยละ 0.36

แรงงานต่างด้าวที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ใน กทม. แบ่งเป็น 

  1. แรงงานต่างด้าวที่มีการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวและครอบครัวที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้างและตลาดสด

  2. แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือทำผิดกฎหมายในประเทศไทย 

  3. ผู้ต้องขังแรกรับ รวมถึงผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ต่อมาตรวจพบว่าต้องคดี

  4. แรงงานต่างด้าวที่อาศัยรวมกันในพื้นที่แออัด  

ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว

  1. สถานที่ทำงานอยู่ในตลาดที่มีการติดตั้งแผงตลาดติดๆ กัน  

  2. ที่พักอาศัยมีลักษณะแออัด

  3. ผู้ค้าขายชาวต่างประเทศในตลาด เช่น ตลาดพลอยบางรักที่เชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีชาวแอฟริกันเข้ามาค้าขายหลายราย ทำให้มีการสัมผัสและแพร่เชื้อในร้านขายพลอย  

  4. การสุขาภิบาลในตลาดต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เช่น อากาศไม่ถ่ายเท โครงสร้างอาคารที่เชื่อมติดต่อกัน ทำให้ไปมาหากันได้ง่าย

  5. แคมป์คนงานก่อสร้างที่มีความแออัด ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน อยู่รวมกัน และทำกิจกรรมในพื้นที่ใกล้ชิดกัน เช่น การรับประทานอาหาร

  6. พฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าในตลาด ที่มีโอกาสสัมผัสสารคัดหลั่ง


ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น กรมอนามัย กรมควบคุมโรค สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เจ้าของโครงการก่อสร้าง รวมถึงเจ้าของสถานประกอบการรายย่อย ได้มีการออกมาตรการเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคในกลุ่มคนต่างด้าว ตลอดจนการจัดทำแนวปฏิบัติในการป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งมาตรการทางสาธารณสุข มาตรการทางสังคม และมาตรการการดูแลรักษา เช่น การจัดทำฐานข้อมูลแรงงานในชุมชน/ที่พัก และผู้ติดเชื้อโควิด 19, การตรวจคัดกรอง สอบสวนโรค และติดตามผู้สัมผัส, การปรับปรุงระยะเวลาการรอคอยในการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม, การจัดหาสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นแรงงานต่างด้าว หลังตรวจพบว่าติดเชื้อ และหลังกลับจากโรงพยาบาล, การให้คำปรึกษาแก่แรงงานต่างด้าวขณะกักตัวและหลังกักตัว ตลอดจน การสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ หรือการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัย, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีชีวิตของแรงงาน ฯลฯ โดยมาตรการสำหรับการดูแลรักษาเมื่อแรงงานต่างด้าวได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ และได้รับการแจ้งผลการตรวจแล้ว ศูนย์บริการสาธารณสุขในเขตรับผิดชอบของ กทม. จะลงไปสอบสวนโรคและติดต่อประสานงานเพื่อให้เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล หรือสถานที่ที่จัดให้ ผ่านทาง http://colink.gbdi.cloud ส่วนกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้กักกันตนเอง ใน Factory Quarantine, Camp Quarantine หรือ Camp Isolation แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของกลุ่มคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิการรักษาพยาบาล รัฐบาลได้สนับสนุนงบกลาง ภายใต้แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นจำนวน 99,969,400 บาท ในรอบแรก สำหรับผู้ป่วยที่รับไว้รักษาและจำหน่ายระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2563 - 31 มีนาคม 2564 และรอบที่สอง จำนวน 959,330,400 บาท สำหรับผู้ป่วยที่รับไว้รักษาหลังวันที่ 31 มีนาคม 2564 ซึ่งโรงพยาบาลของรัฐสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่รวมค่ายาต้านไวรัส และชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) สำหรับสถานพยาบาลเอกชน ยังอยู่ระหว่างการหารือกับกรมบัญชีกลาง


ข้อมูลจาก

รายงานสถานการณ์ด้านสุขภาพของประชากรข้ามชาติในประเทศไทยหรือต่างประเทศ รวมถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบบริการสุขภาพและความเสี่ยงทางด้านสุขภาพของประชากรข้ามชาติ ณ เดือนมิถุนายน 2564, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข แผนงานประชากรข้ามชาติ ภายใต้แผนงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก