งานเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ พรรษา

Breaking News

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ รณรงค์ประชาชนฉีดวัคซีนผ่านกลไก อสม. และ ยุว อสม.

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สนับสนุนการชักชวนครอบครัวไทย พร้อมใจฉีดวัคซีน ผ่านกลไก อสม. และ ยุวอสม.ร่วมเคาะประตูบ้านในการเป็นด่านหน้า เพื่อดูแลประชาชนและนำครอบครัว อสม. ทุกภาคทั่วประเทศมาฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจ

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า อาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. เป็นผู้ที่ทุ่มเทในการปฏิบัติงานเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มแข็ง ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพสำหรับประชาชน และเริ่มกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดทุกจังหวัดในเดือนมิถุนายน 2564 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพการดำเนินการโดย อสม. เคาะประตูบ้าน เพื่อเป็นด่านหน้าในการดูแลประชาชน และนำครอบครัวอสม. มาฉีดให้ครบ จึงจำเป็นที่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน โดยการขึ้นทะเบียนรับวัคซีนต้องมีการจัดระบบในแต่ละจังหวัด และมอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้ติดตามดูแลระบบการรับวัคซีน ที่สำคัญเราได้สร้างกลุ่มยุวอาสาสมัครสาธารณสุข(ยุว อสม.) หมายถึง เด็กและเยาวชนที่มีอายุ 11 ปี ขึ้นไป ที่อยู่ในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษาที่สมัครใจเป็นจิตอาสาด้านสุขภาพที่มีความมุ่งมั่นเสียสละเข้ามาช่วยเหลือและทำงานในการดูแลสุขภาพให้แก่ เพื่อนนักเรียน ครอบครัว และคนในชุมชนให้มีสุขภาพดี โดยบทบาทของยุว อสม.โดยทั่วไปจะทำหน้าที่เป็นนักสื่อสารสุขภาพ ถ่ายทอดความรู้และวิธีการปฏิบัติตัวตามสุขบัญญัติให้กับเพื่อนนักเรียน นำไปถ่ายทอดให้กับคนในครอบครัวและชุมชน รวมทั้งทำหน้าที่เชื่อมประสานการทำงานระหว่างโรงเรียนและอสม.ในชุมชน

นพ.ธเรศ กล่าวว่า กลยุทธ์ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพโดยกองสุขศึกษา ได้ดำเนินการให้ยุวอาสาสมัครสาธารณสุข (ยุว อสม.) และเครือข่ายเด็กและเยาวชนในระดับต่าง ๆ ทำหน้าที่ชักชวนคนในครอบครัวฉีดวัคซีน ภายใต้สุขบัญญัติข้อ 10 มีสำนึกต่อส่วนรวม ร่วมสร้างสรรค์สังคม การที่ทุกคนฉีดวัคซีนโควิด 19 ถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบในการอยู่ร่วมกันในสังคม คือ 1) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตนเอง และป้องกันการติดเชื้อโควิด 19, 2) หากได้รับเชื้อโควิด 19 ก็จะป้องกันไม่ให้มีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิต และ 3) หากประชาชนฉีดวัคซีนเป็นสัดส่วนระดับ 70% ขึ้นไป ก็จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้การแพร่ระบาดยุติลง หรือลดความรุนแรงของการระบาดลงได้ 

“ผมสนับสนุนยุวอสม.ให้เป็นนักสื่อสารสุขภาพ นำแนวทางสุขบัญญัติในเรื่องของการมีสำนึกต่อส่วนรวมร่วมสร้างสรรค์สังคมภายใต้คำขวัญ “ยุว อสม. ชวนครอบครัวไทย พร้อมใจฉีดวัคซีน” โดยใช้หลัก 3 ช คือ ช.ที่ 1 ชี้แจงความปลอดภัยและประโยชน์ที่ได้รับจากวัคซีน โดยยุว อสม.จะทำความเข้าใจกับเพื่อนนักเรียน นำไปถ่ายทอดคนในครอบครัว เรื่องการฉีดวัคซีน, ช.ที่ 2 ชักชวน การลงทะเบียนเพื่อไปฉีดวัคซีนแก่คนในครอบครัว และ ช.ที่ 3 ช่วยเหลือการลงทะเบียน หากลงทะเบียนไม่ได้ก็ช่วยลงทะเบียนให้และติดตามอาการหลังจากฉีดวัคซีน และนอกจากยุว อสม.จะดูแลคนในครอบครัวแล้วยังเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยสื่อสารให้กับเพื่อนนักเรียนบอกต่อคนในครอบครัวตนเองและคนรอบข้าง ให้เกิดความตระหนัก เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด 19 และในวันที่ 28 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็นวันสุขบัญญัติแห่งชาติ เพื่อย้ำเตือนให้คนไทยทุกคนได้ปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานตามแนวทาง ที่เรียกว่าสุขบัญญัติ 10 ประการ อย่างสม่ำเสมอจนเป็นสุขนิสัยเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและสร้างเสริมสุขภาพให้มีสุขภาพดี ทั้งร่างกาย จิตใจและสังคม” นพ.ธเรศ กล่าว 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 เป็นภาวะวิกฤติทั่วโลก กระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงาน ภาคีเครือข่ายต่าง ๆ จึงรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนและประชาชนตระหนักถึงการป้องกันอันตรายจากโควิด 19  ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น ไข้หวัดใหญ่ และวัณโรค และการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ จึงอยากเชิญชวนคนไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพราะการฉีดวัคซีนเป็นมาตรการสำคัญที่จะหยุดยั้งความรุนแรงของการระบาดของโรคโควิด 19 ได้

  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สบส. คอลเซ็นเตอร์ 1426 และเว็บไซต์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ https://hss.moph.go.th