การจัดสวัสดิภาพสุนัขในสถานที่เพาะพันธุ์
จากกรณีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการจัดสวัสดิภาพสุนัขในฟาร์มหรือสถานเพาะเลี้ยงที่ไม่เหมาะสม เมื่อ วันที่ 18 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ประกาศราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการจัดสวัสดิภาพสัตว์ในสถานที่เพาะพันธุ์สุนัข พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล เลขาธิการและผู้อำนวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ได้แสดงความคิดเห็นว่า ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังกล่าวสืบเนื่องจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายภาคส่วนร่วมช่วยกันผลักดัน โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์และกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตว์แพทย์บริการ เป็นเจ้าภาพหลัก ในการยกร่างประกาศดังกล่าว เพื่อเป็นการยกระดับและคุ้มครองการจัดสวัสดิภาพสัตว์ของสุนัขในสถานเพาะพันธุ์ รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือการซื้อสุนัขจากฟาร์มที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อสุนัขโตขึ้นและเปลี่ยนไปไม่แข็งแรง หรือพิการ นำมาซึ่งปัญหาการทอดทิ้งสุนัข สร้างปัญหาและภาระทางสังคม
สำหรับสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ ครอบคลุมถึงสถานที่ที่มีการเพาะพันธุ์สุนัข และรวมถึง สถานที่ซึ่งรับดูแลสุนัขเพื่อการเพาะพันธุ์สุนัขเพื่อการค้าด้วย โดยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์และผู้ครอบครองหรือผู้รับมอบหมายให้ดูแลสุนัขในสถานเพาะพันธุ์ ต้องดำเนินการเลี้ยงดูหรือดูแล ให้สุนัขมีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขภาพอนามัยที่ดี เช่น สุนัขทุกตัวต้องได้รับอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด มีคุณภาพ ปริมาณความถี่ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงพันธุ์ อายุและขนาดน้ำหนักตัว โรงเรือนหรือกรงเลี้ยงสุนัข ต้องมีโครงสร้างแข็งแรง มีพื้นที่การเลี้ยงและออกกำลังกาย มีอุหภูมิที่เหมาะสม อากาศถ่ายเทได้สะดวก ความสูงและพื้นที่กรงมีความเหมาะสมกับการนอน กลับตัวและแสดงพฤติกรรมได้ สำหรับด้านสุขภาพอนามัย เจ้าของสุนัขต้องดำเนินการตามระบบป้องกันโรคและควบคุมโรคระบาดในสุนัข มีการสังเกตพฤติกรรม ความเจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือความเครียดสุนัข หากพบว่าสุนัขมีความผิดปกติหรือเจ็บป่วย ให้ปรึกษาสัตวแพทย์และจัดให้สุนัขได้รับการรักษาทันที รวมถึงเจ้าของต้องดูแลด้านการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมทางธรรมชาติและสภาวะทางจิตใจของสุนัขด้วย
เพื่อประโยชน์ในการจัดสวัสดิภาพของสุนัข เจ้าของจึงต้องปฏิบัติ ดังนี้ บันทึกและจัดเก็บข้อมูลสุนัขทุกตัว เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพ อายุ เพศ พันธุ์ สี ตำหนิ วันเดือน ปีเกิด แหล่งที่มา ประวัติสุขภาพและการรักษา วันที่รับเข้า ข้อมูลผู้ซื้อ การใช้พ่อพันธุ์สุนัขและเม่พันธุ์เพื่อการเพาะพันธุ์ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 12 เดือน ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีโดยสัตวแพทย์ และ จะต้องไม่ใช้สุนัขดังต่อไปนี้เพาะพันธุ์ แม่พันธุ์ที่เคยคลอดลูกมาแล้ว 6 ครอก ขึ้นไป แม่พันธุ์ที่มีอายุมากกว่า 8 ปี สุนัขที่มีสุขภาพไม่เหมาะสม แม่พันธุ์ที่คลอดลูกโดยการผ่าตัดมาแล้ว 3 ครอก เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากสัตวแพทย์
การดูแลสุนัขท้อง แม่สุนัข และลูกสุนัขหลังคลอด เช่น การจัดพื้นที่แยกเฉพาะ และไม่ขนส่งแม่พันธุ์สุนัข ที่ตั้งท้อง 54 วันขึ้นไป ยกเว้นสัตวแพทย์ยินยอม และไม่เคลื่อนย้ายแม่สุนัขภายหลังคลอด 48 ชั่วโมง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องดูแลแม่สุนัขให้นมลูกสุนัขทุกตัวอย่างทั่วถึง ไม่แยกลูกสุนัขออกจากแม่สุนัขและขนส่งลูกสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 60 วัน ยกเว้นได้รับความเห็นชอบจากสัตว์แพทย์ และต้องจัดให้มีมาตรการรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่อาจจะกระทบต่อการจัดสวัสดิภาพของสุนัขอย่าง ร้ายแรง เช่น การเคลื่อนย้ายสุนัขเมื่อมีเหตุการณ์ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือโรคระบาด เป็นต้น
ถ้าเจ้าของสุนัขจงใจไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ อาจจะมีโทษตามกฎหมายการจัดสวัสดิภาพสัตว์ได้ ดังนั้นปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์นั้น ต้องเลี้ยงให้ดีและเหมาะสม ผู้เลี้ยงจะต้องใส่ใจรับผิดชอบ
“เพราะทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า จึงควรได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างมีเมตตาธรรมยิ่งขึ้น”