NIA ขับเคลื่อน “นิลมังกรแคมเปญ” อัดฉีดนวัตกรรมเด่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ลุยเฟ้นหาสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หวังโตก้าวกระโดด
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “NIA มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยการใช้นวัตกรรม ดังนั้นจึงได้ริเริ่มโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค ภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ” ขึ้น เพื่อสร้างตัวอย่างการทำธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคให้คนในพื้นที่ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและได้เรียนรู้กระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของ Edutainment เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เข้าถึง และเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ให้สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมอย่างเต็มที่ โดยหวังว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในโครงการ ธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นที่แต่ละจังหวัด จะมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจ อย่างน้อย 3 เท่า หรือ ประมาณการมูลค่าเพิ่ม 360 ล้านบาท จาก 12 ทีมสุดท้าย และมีแบรนด์สินค้าและบริการนวัตกรรมเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังจะเป็นตัวแทนในการสร้างแบรนด์ให้กับพื้นที่และจังหวัดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น”
“สำหรับผลการคัดเลือกโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยรอบภูมิภาค ได้แก่ ผลงาน “น้ำพริกส็อก by Chef May” จากบริษัท พัทธนันท์ คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้ชนะเลิศจากภาคเหนือ , ผลงาน “DryDye นวัตกรรมย้อมผ้าไม่ใช่น้ำ” จากบริษัท แซดเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ชนะเลิศจากภาคกลาง , ผลงาน “Flamex” นวัตกรรมสเปรย์ดับเพลิง จาก บริษัท นาซ่าไฟร์โปรดัคส์ จำกัด ผู้ชนะเลิศจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผลงาน “เคยนิคะ” ซอสกะปิสำเร็จรูป จาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด เคยนิคะ ผู้ชนะเลิศจากภาคใต้” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติม
“น้ำพริกส็อก” ผลงานธุรกิจนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของภาคเหนือ โดย เชฟเมย์ - พัทธนันท์ ธงทอง รองแชมป์จากรายการ Top Chef Thailand Season 1 และเจ้าของเหรียญเงินในการแข่งขันเชฟระดับโลกปี 2014 ซึ่งเปิดใจภายหลังได้รับรางวัลว่า รางวัลที่ได้ถือเป็นความภูมิใจและเป็นเสมือนเครื่องการันตีว่าธุรกิจนี้ได้พัฒนามาถูกทางแล้ว และกำลังจะก้าวสูงขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งที่จะยากขึ้นก็คือ การค้นหานวัตกรรมที่จะนำมาสอดแทรกและทำให้ผลิตภัณฑ์มีจุดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง รางวัลที่ได้นี้จึงเป็นทั้งกำลังใจและแรงผลักดันไปสู่เป้าหมาย ซึ่งก็คือการทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เช่นเดียวกับ คุณอภินันท์ มหาศักดิ์สวัสดิ์ เจ้าของธุรกิจนวัตกรรม “ทรายแมวจากมันสำปะหลัง” แบรนด์ Hide&Seek หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งของภาคกลาง ที่กล่าวว่า มีความดีใจมากที่ได้มาเข้าร่วมโครงการและได้รับรางวัล ซึ่งรางวัลนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมต่อไป โดยทางบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาธุรกิจทั้งในไลน์ผลิตภัณฑ์เดิมและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมขยายฐานลูกค้าออกไปในต่างประเทศ ซึ่งนวัตกรรมในการนำมันสำปะหลังมาผลิตเป็นทรายแมว 100% นี้ นับเป็นผลงานการผลิตโดยฝีมือคนไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และยังเป็นผู้ผลิตเจ้าแรกในไทย ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าของมันสำปะหลังแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัยสูงในการใช้งานด้วย โดยทรายแมวจากมันสำปะหลังนี้สามารถใช้ได้กับแมวทุกวัย เก็บกลิ่นได้ดีเยี่ยม มีคุณสมบัติจับตัวไว ไม่เป็นโคลน และสามารถทิ้งลงชักโครกได้
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ได้กล่าวเสริมถึง โครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ว่า มีวัตถุประสงค์ในการค้นหา บ่มเพาะธุรกิจ และสร้างแบรนด์ธุรกิจนวัตกรรมของผู้ประกอบการระดับภูมิภาคในประเทศไทย ให้สามารถเติบโตทางธุรกิจ และมีแบรนด์สินค้าหรือบริการนวัตกรรมเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งในปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 300 ธุรกิจนวัตกรรมทั่วประเทศ แบ่งเป็นภาคเหนือ 69 ธุรกิจ จาก 10 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 92 ธุรกิจ จาก 7 จังหวัด ภาคกลาง 79 ธุรกิจ จาก 12 จังหวัด และภาคใต้ 55 ธุรกิจ จาก 13 จังหวัด รวม 41 จังหวัดทั่วประเทศ และสามารถจัดกลุ่มธุรกิจได้จำนวน 10 ประเภทธุรกิจ/อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมบริการ และ อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ เป็นต้น โดยมีวิทยากรระดับประเทศมาให้ความรู้ในด้านการวางแผนธุรกิจนวัตกรรม การสร้างแบรนด์สินค้าและบริการนวัตกรรม การสื่อสารและการเล่าเรื่องสินค้าและบริการนวัตกรรมให้น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมจะได้เรียนรู้ และนำเสนอเรื่องราวธุรกิจนวัตกรรมของตนเองต่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะทำการคัดเลือกธุรกิจนวัตกรรมที่มีความพร้อมและมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจได้อย่างน้อย 300 เปอร์เซ็นต์ จาก 300 ธุรกิจ สู่ 5 ธุรกิจนวัตกรรมของแต่ละภูมิภาค ที่เปรียบเสมือนเป็น “ม้านิลมังกร” ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งในขั้นตอนต่อไปทาง NIA จะทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง 12 ธุรกิจที่จะก้าวเข้าสู่รอบต่อไป ในการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อชิงความเป็นธุรกิจนวัตกรรมรางวัล “นิลมังกร” รายแรกของไทย พร้อมเงินรางวัล 2 ล้านบาท
ติดตามอัพเดตความเคลื่อนไหวได้ที่เฟซบุ๊คเพจ Thailand InnoBiz Champion”