อรูบ้า (Aruba) แนะธุรกิจให้พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่ง "Intelligent Edge"
Attributed to: Keerti Melkote, President and Founder of Aruba, a Hewlett Packard Enterprise company
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เทรนด์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีในฝั่ง Network นั้นมีด้วยกัน 2 ประเด็นหลักๆได้แก่ ความต้องการในการเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อการทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา และการย้ายแอปพลิเคชันและข้อมูลสำคัญทางธุรกิจขึ้นสู่ Cloud ทุกวันนี้นี้โลกเราได้เปลี่ยนจากยุคของ Mobility มาสู่ยุคของ Cloud แล้วอย่างเต็มตัว และในปี 2021 นี้เราก็กำลังมุ่งไปสู่ก้าวถัดไปก็คือยุคของ Intelligent Edge
ในปี 2021นี้ฝ่าย IT จะต้องเตรียมตัวสำหรับ Intelligent Edge ด้วยการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับแนวโน้มใหม่ โดยนอกเหนือจากการเชื่อมต่อใช้งาน Cloud ที่จะเพิ่มมากขึ้นแล้ว ฝ่าย IT ยังต้องทำความเข้าใจด้วยว่าในอนาคตผู้ใช้งานจะมีปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์ IoT ในรูปแบบใด และจะนำข้อมูลที่เกิดขึ้นที่ Edge มาใช้สร้างประสบการณ์และผลลัพธ์ทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ได้อย่างไร
แน่นอนว่าฝ่าย IT นั้นก็ต้องดำเนินแผนการเหล่านี้ท่ามกลางช่วงเวลาที่ COVID-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ ดังนั้นการออกแบบ Intelligent Edge นั้นจึงต้องวางแผนให้ระบบเหล่านี้สามารถช่วยตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรในการรองรับการทำงานจากที่บ้าน และรองรับความสามารถอื่นๆ ที่จะช่วยให้พนักงานกลับมาทำงานที่บริษัทได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ รวมถึงตอบรับต่อการทำ Business Continuity ให้กับธุรกิจได้อีกด้วย
ทั้งนี้เมื่อโลกของเราก้าวสู่ยุคหลังการแพร่ระบาดแล้ว Intelligent Edge และการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆได้โดยคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง ก็จะทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเสริมความสามารถในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย, การรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูล และเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ เทคโนโลยี เพื่อรองรับต่อการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ธุรกิจยังคงประสบความสำเร็จได้ในโลกยุคที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือเราเริ่มเห็นลูกค้าของเราที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นเป็นหลักมากขึ้น และมีการเลือกใช้ Networking-as-a-Service (NaaS) ที่สามารถเลือกใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ทั้งในแบบการติดตั้งใช้งานภายในองค์กรหรือใช้งานผ่าน Cloud รวมถึงยังได้ใช้อุปกรณ์เครือข่ายและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในรุ่นล่าสุด และยังได้ใช้บริการ AI ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้การทำ Automation และ Data Analytics ในองค์กรนั้นประสบความสำเร็จได้มากขึ้น เปลี่ยนการทำงานของผู้บริหารฝ่าย IT ให้เป็นการทำงานเชิงรุกได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ยังคงควบคุมระบบเครือข่ายให้ทำงานได้ตามต้องการ ทั้งในเชิงประสิทธิภาพและรูปแบบของการให้บริการเครือข่าย เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน
ในช่วงปีนี้ แนวโน้มหลักๆ ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และน่าจับตามองมีดังนี้:
ธุรกิจองค์กรในหลายอุตสาหกรรมเริ่มมีการติดตั้งใช้งานระบบ IT รุ่นใหม่ โดยมีการนำ Server, Storage, Network ที่เชื่อมต่อกับ Cloud ได้ไปติดตั้งใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Intelligent Edge รุ่นล่าสุด โดยภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโรงงานและการผลิต, การแปรรูป และการจัดจำหน่ายก่อน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นจากการลด Downtime ให้น้อยลง
ข้อมูลจะมีปริมาณมากขึ้นและมีความสำคัญสูงยิ่งขึ้น องค์กรธุรกิจจำนวนมากขึ้นจะเริ่มใช้ข้อมูลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับพนักงานและลูกค้า รวมถึงยังมีแนวโน้มใหม่ที่ข้อมูลส่วนใหญ่ในภาคธุรกิจนั้นจะเริ่มถูกสร้างขึ้นจากภายนอก Data Center หรือ Cloud อีกด้วย
Automation และ AIOps จะเข้ามาช่วยให้ฝ่าย IT ในองค์กรสามารถไปทำงานในเชิงรุกที่มีคุณค่ามากขึ้นได้ แทนที่จะต้องเสียเวลาไปกับการตรวจสอบแก้ไขปัญหาในระบบเครือข่ายอย่างในอดีต ด้วยการช่วยให้แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น และช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานและลูกค้าไปพร้อมๆ กัน
ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการแก้ไขปัญหา Silo ของระบบที่ทำให้องค์กรนั้นต้องมีระบบ Server, Storage, Virtualization, DevOps. SecOps และ AIOps สำหรับแต่ละภาคส่วนแยกขาดจากกัน และช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างหลายฝ่ายสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นได้ท่ามกลางภาวะวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้
ถึงแม้ว่าปี 2020 นี้จะเป็นปีที่มีความท้าทายหลายประการ แต่นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงปีที่ผ่านมานี้ก็ทำให้องค์กรธุรกิจมีหนทางที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อีกทั้งวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ก็ยังทำให้ฝ่าย IT ต้องมีบทบาทมากขึ้นจากการที่ผู้บริหารระดับสูงเล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีในการรับมือกับสถานการณ์และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็อาจสามารถต่อยอดจากการปรับให้พนักงานสามารถทำงานได้จากที่บ้าน การสร้างความสุขและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ไปสู่การริเริ่มโครงการใหม่ๆในธุรกิจหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาได้
ในปี 2021 นี้ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และการเสริมความสามารถหรือการสร้างคุณค่าใหม่ๆ จาก Intelligent Edge เพื่อให้ธุรกิจสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้นก็จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง