ADS


Breaking News

สถานีโทรทัศน์ CGTN เปิดเพจระลึกถึงบุคลากรทางการแพทย์ผู้สละชีวิตต่อสู้โควิด-19

ปักกิ่ง--7 เมษายน 2563--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ในประเทศจีน ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้พรากบุคคลอันเป็นที่รักหลายพันคนไปจากครอบครัว แต่การจากลาไม่ใช่การลาจากตลอดกาล โดยสถานีโทรทัศน์ CGTN ได้เปิดเพจเพื่อนำเสนอเรื่องราวของผู้ที่ต้องสูญเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นับตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้น

เรียนรู้เรื่องราวของบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูญเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนได้ที่ https://www.cgtn.com/coronavirus-interactive-in-memoriam.html

หลิวหยาง ไม่เคยคาดคิดว่าการพบหน้าพ่อด้วยการมองจากไกล ๆ จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย พ่อของเธอ หลิวจื้อหมิง ผู้เป็นศัลยแพทย์ระบบประสาทชื่อดัง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ หลังจากติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นายแพทย์หลิวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ชางในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเทศบาลเมืองอู่ฮั่นกำหนดให้เป็นโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม นางไฉหลี่ผิง ภรรยาของนายแพทย์หลิว ซึ่งเป็นหัวหน้าพยาบาลแผนก ICU ของโรงพยาบาล Wuhan Third Hospital เปิดเผยว่า “เขาโทรหาฉัน ขอให้เตรียมเสื้อผ้าให้ เขาบอกว่ายุ่งมากจนไม่มีเวลากลับบ้าน ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเขาหายใจหอบ”

นายแพทย์หลิวทุ่มเททำงานต่อเนื่องสามวันโดยไม่หยุดพักเพื่อเปลี่ยนส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลให้เป็นพื้นที่รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเริ่มรับผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่เมืองอู่ฮั่นประกาศล็อกดาวน์ และเป็นวันที่นายแพทย์หลิวได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19

นายแพทย์หลิวเข้ารับการรักษาในวันต่อมา และไม่นานก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เขาได้คุยกับภรรยาผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น เพราะเธอเองก็ยุ่งอยู่กับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง ในช่วงไม่กี่วันก่อนเสียชีวิต นายแพทย์หลิวปฏิเสธการสอดท่อหายใจ โดย หง ยี่ เลขาธิการคณะกรรมการวินัยของโรงพยาบาลอู่ชาง เปิดเผยว่า “เขากลัวว่าทีมงานของเขาจะติดเชื้อ”

ในวันที่เขาจากไป มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 431 รายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอู่ชาง เขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนแรกที่เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19

นอกเหนือจากบุคลากรทางการแพทย์ระดับสูงแล้ว ยังมีแพทย์หนุ่มสาวอีกหลายคนที่เพิ่งเริ่มทำงานและต้องสละชีวิตในการต่อสู้กับโควิด-19 เช่น เซี่ยซีซี อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาล Union Jiangbei Hospital ในเมืองอู่ฮั่น ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อนร่วมงานคาดว่าเธออาจติดเชื้อตั้งแต่เดือนมกราคม ตอนที่เธอดูแลผู้ป่วยสูงอายุที่มีอาการของการติดเชื้อโควิด-19

หลังจากนั้น 5 วัน เธอมีไข้ 38.9 องศาเซลเซียส และรู้สึกแน่นหน้าอก จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในวันนั้น หลังจากนั้นสองสามวัน อาการของเธอทุเลาลงจนเธอคิดว่าสามารถกลับไปทำงานได้ แต่แล้วอาการก็กลับแย่ลง อู๋ฉือเล่ย สามีของเธอ ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลผูไอ่ในเมืองอู่ฮั่น ต้องรีบมาที่ห้องฉุกเฉินในเช้าวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เพราะหัวใจของเธอหยุดเต้น แพทย์สอดท่อหายใจและกู้ชีพเธอกลับมาหลังใช้เครื่อง ECMO จากนั้นส่งตัวเธอไปยังโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยหนัก แต่เธอก็ยังอยู่ในอาการโคม่าและจากไปในวันที่ 23 กุมภาพันธ์  

สามีของเธอไม่อาจทำใจได้กับการสูญเสีย เขากล่าวว่า “เราสัญญากันว่าจะกลับไปต่อสู้กับโควิด-19 ด้วยกันเมื่อเธอหายดี” และเขาไม่รู้ว่าจะบอกกับลูกชายวัยสองขวบอย่างไร “เจียเป่าคิดว่าแม่ยังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล”

จนถึงขณะนี้ บุคลากรทางการแพทย์อย่างน้อย 46 คนในจีนต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้กับโควิด-19 บางคนมีประสบการณ์การทำงานนานหลายสิบปี บางคนเพิ่งเริ่มเส้นทางอาชีพในการช่วยเหลือผู้อื่น เช่น นายแพทย์หลี่เหวินเหลียง จักษุแพทย์ผู้ออกมาเตือนเพื่อนร่วมอาชีพเรื่องไวรัสโคโรนาตั้งแต่เดือนธันวาคม ก็เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 34 ปี ขณะเดียวกัน ซ่งยวินหัว แพทย์ประจำศูนย์สุขภาพชุมชน ประสบอุบัติเหตุถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนจนเสียชีวิต หลังจากทำงานต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงเพื่อคัดกรองผู้ป่วย เธอจากไปด้วยวัยเพียง 46 ปี

บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากมีแนวโน้มสัมผัสกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2562 แต่โลกเพิ่งทราบถึงการมีตัวตนของไวรัสชนิดนี้ในเดือนมกราคม 2563 บุคลากรทางการแพทย์จึงอาจสัมผัสผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว เพราะใส่อุปกรณ์ป้องกันและปฏิบัติตามแนวทางที่ใช้รับมือกับโรคติดเชื้อแบบไม่รุนแรงเท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่ากำลังเผชิญกับไวรัสอันตรายที่กลายเป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง  

ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด บุคลากรทางการแพทย์เหล่านี้ยังคงทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ และคิดถึงเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยก่อนตัวเอง จิตวิญญาณของพวกเขาหยั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของคนที่ตั้งใจเดินตามรอย เช่น หลิวหยาง ซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 1 ของโรงเรียนแพทย์ที่พ่อของเธอ หลิวจื้อหมิง สำเร็จการศึกษา